24 ธันวาคม 2555
103,875 views
“ Megatrend โลก” โดย ดร.นิเวศน์ ตอนจบ
สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ เฟสบุ๊ค
เมื่อวานนี้ เราคุยกันเรื่อง Megatrend วันนี้..ขอต่อ นะครับ
วันนี้เสนอตอน “ Megatrend โลก” โดย ดร.นิเวศน์ ตอนจบ
Megatrend ที่ห้า ก็คือ
เรื่อง “ภาวะโลกร้อน” นี่คือ
แนวโน้มที่เพิ่งเกิดมาไม่นาน
หรือน่าจะพูดว่าเราเพิ่งตระหนักมาไม่นานนัก
แต่ผลกระทบอาจจะรุนแรง….
ขนาดที่สามารถเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์เศรษฐกิจของโลกได้ในระยะยาว
ในระยะสั้น….
ผลกระทบอาจจะเป็นเรื่องของท้องถิ่นบางแห่ง
ที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ
ซึ่งรวมถึงภาวะแห้งแล้ง พายุ หรือน้ำท่วม ที่อาจจะเกิดขึ้นมากกว่าปกติ
และนี่ทำให้เกิดความเสี่ยงโดยเฉพาะในด้านของทรัพย์สิน
และการดำเนินธุรกิจ เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ชัดเจนว่าจะเกิดที่จุดไหนและเมื่อใด
Megatrend ที่ 6 ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายที่ผมจะพูดถึง ก็คือ
เรื่อง Globalization หรือโลกาภิวัตน์
ซึ่งบางคนใช้คำว่า “โลกแบน”
ความหมาย ก็คือ….
พรมแดนทางภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น
จะมีความหมายน้อยลงเรื่อยๆ
คนในแต่ละประเทศจะมีความคิด ค่านิยม และความเป็นอยู่คล้ายๆ กัน
ขึ้นอยู่กับฐานะและความมั่งคั่งมากกว่าเรื่องของวัฒนธรรมประจำชาติ
นอกจากนั้น แต่ละประเทศจะไม่สามารถทำอะไรตามใจตนเองได้ทั้งหมด
แต่จะต้องทำในสิ่งที่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลกด้วย
เช่นเดียวกัน การแข่งขันทางธุรกิจก็จะต้องเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ
และต้องรวมไปถึงธุรกิจจากต่างประเทศทั่วโลก
ผลกระทบ ก็คือ
บริษัทที่มีความสามารถทางการแข่งขันสูงจะสามารถขยายตัวได้มากขึ้นมาก
ในขณะที่บริษัทระดับรอง
หรืออ่อนแอจะอยู่ได้ยากขึ้น
สรุปก็คือ
ผมคิดว่าอุตสาหกรรมที่เป็น Megatrend
และจะโตเร็วและโตไปอีกนาน ก็คือ
อุตสาหกรรมไฮเทคที่เกี่ยวกับ IT และการสื่อสารในระบบเคลื่อนที่
และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการแพทย์และการให้บริการทางการแพทย์
ในอุตสาหกรรมอื่นนั้น
ผมคิดว่าธุรกิจการเงินและการบริหารเงิน และการลงทุนในหุ้น น่าจะมีอนาคตสดใส
เช่นเดียวกับการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคของประเทศในทวีปเอเชีย
ที่ประชากรมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น
ซึ่งการบริโภคนี้รวมถึงการท่องเที่ยวและการเดินทางข้ามประเทศที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากการเปิดเสรีประเทศมากขึ้น จากผลของโลกาภิวัตน์
จะทำให้กิจการที่เป็นผู้นำที่โดดเด่น โดดเด่นขึ้น
ในขณะที่บริษัทระดับรองลำบากขึ้น
และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนนั้น
จะทำให้ความเสี่ยงของธุรกิจสูงขึ้น จากภัยธรรมชาติในระยะสั้น
ผลกระทบของ Megatrend โลกนั้น
แน่นอน รวมถึงประเทศไทย
เพราะเราอยู่ในกระแสของโลกาภิวัตน์ด้วย
ดังนั้น เราต้องนำ Trend ต่าง ๆ เหล่านั้นเข้ามาพิจารณา
ในเรื่องของการลงทุน
สิ่งที่สำคัญ ก็คือ
เราต้องการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกระแสและหลีกเลี่ยงหุ้นที่สวนกระแส
แต่การลงทุนกับหุ้นที่อยู่ใน Megatrend นั้นยังไม่เพียงพอ
เหตุผล ก็คือ
กิจการที่อยู่ในกระแสนั้น
บ่อยครั้งมีมากยิ่งกว่ากิจการที่ไม่อยู่ในกระแส
การแข่งขันกันจึงรุนแรงและอาจทำให้บริษัทขาดทุนหรือล้มหายตายจากได้ง่ายๆ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ กิจการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี IT
ที่เราเห็น “คนตาย” มากกว่า “คนอยู่”
หุ้นหรือกิจการที่เราต้องการจริงๆ ก็คือ
เราต้องการบริษัทที่เป็น “ผู้ชนะ”
ในอุตสาหกรรมที่อยู่ใน Megatrend และในราคาที่สมเหตุผล
ประเด็นสำคัญที่ตามมา ก็คือ อะไร คือ “ราคาที่สมเหตุผล”
นี่เป็นเรื่องยากหรืออาจจะยากยิ่งกว่าการกำหนดว่าบริษัทอยู่ใน Megatrend
และเป็น “ผู้ชนะ” หรือไม่?
เหตุผล ก็คือ หุ้นที่อิงกับกระแสแนวโน้มใหญ่นั้น
มักจะเติบโตไปได้ต่อเนื่องยาวนาน ตราบที่….เขายังมีความสามารถสูงอยู่
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือ บริษัทที่ “กำลังชนะ” นั้น
Profit Margin…. หรือกำไรต่อยอดขายมักจะมาทีหลัง
ในขณะที่ช่วงแรกๆ ของการเติบโต ผลกำไรจะไม่สูงมาก
เนื่องจากบริษัทจะเน้นไปที่….การเพิ่มยอดขายมากกว่าที่จะ….ทำกำไร
ดังนั้น ในช่วงที่บริษัทยังโตเร็ว
ผลกำไรอาจจะ….ไม่สูงมาก
นี่ทำให้ค่า PE อาจจะดูสูง
และทำให้ราคาหุ้นดูไม่สมเหตุผล
โดยเฉพาะในสายตาของ Value Investor ที่เน้นหุ้นถูกเป็นหลัก
วิธีที่ดีกว่า ก็คือ
การดู “ศักยภาพ” ว่า….
บริษัทน่าจะสามารถเติบโตมียอดขายถึงระดับไหน
และมันน่าจะมีกำไรเท่าไรเมื่อถึงจุดนั้น
โดยกำไรนั้นจะต้องคำนวณจาก Profit Margin ที่เหมาะสม
ซึ่งนั่นจะทำให้เราสามารถคำนวณหากำไรและราคาหุ้นที่เหมาะสมในอนาคตได้
จากนั้นจึงมาดูว่า……
ราคาในปัจจุบันนั้น….เหมาะสมหรือไม่
ศึกษาเรื่อง…. Megatrends ไปจน… “หัวโต”
ศึกษา…เรื่องโน้น …เรื่องนี้ ไปแทบ… “สมองจะ..ระเบิด”
ในฐานะ..นักลงทุน ต้องไม่ลืม…สิ่งที่สำคัญที่สุด
นั่นคือ ทำอย่างไรให้….. “ความคิดนั้นๆ”
กลายมาเป็น….. “ไอเดียหาเงิน” ให้เราได้
โชคดีนะครับ
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Leave a comment