18 พฤศจิกายน 2559
1,334 views
อยากรวย ต้องเปลี่ยน…“ทัศนคติ”
คอลัมน์: คุยให้… “คิด”
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 ตุลาคม 2559
อยากรวย ต้องเปลี่ยน…“ทัศนคติ”
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
Add Line: @CsiSociety
ในชีวิตจริง คุณผู้อ่านหลายท่านคงจะเคยเห็นภาพ “คนจน…ยิ่งจน คนรวย…ยิ่งรวย” กันมาบ้างแล้ว และเหตุการณ์เหล่านั้นก็ดำเนินไปเป็นวัฏจักรให้เราได้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า โดยผมมีข้อสังเกตในการสนับสนุนความคิดเห็นข้างต้น ดังนี้ครับ
หนึ่ง ปรากฎการณ์แมทธิว (Matthew Effect)
ในเชิงสังคมวิทยามีปรากฎการณ์หนึ่งที่เรียกว่า ปรากฎการณ์แมทธิว (Matthew Effect) โดยทั่วไปปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อสังคมเกิดความลำเอียง และไปให้ความเชื่อถือแก่คนหรือเหตุการณ์ที่สังคมคิดว่าจะเป็นเช่นนั้น โดยที่สังคมจะไม่ยอมค้นหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเสียก่อน
ในกรณีที่จะต้องใช้ความเชื่อถือ เช่น การหยิบยืมเงิน หรือการกู้เงินจากสถาบันการเงินหรือจากคนที่รู้จัก คนจนก็มักจะถูกกีดกัน หรือหากให้กู้…ก็จะต้องกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ด้วยเหตุดังกล่าว ก็จะยิ่งทำให้คนจนมีความยากลำบากในการประกอบธุรกิจ และมีต้นทุนในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น…กำไรก็จะน้อยลง…หรืออาจขาดทุนไปเลยก็เป็นได้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนจนมีโอกาสที่จะ…ยิ่งจนลงไปอีก
ในขณะที่คนรวยมักจะได้เครดิตจากสถาบันการเงินและสังคมมากกว่า ทั้งๆที่ในบางครั้งโครงการธุรกิจที่คนรวยอยากจะทำนั้นก็มีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยความเชื่อถือของสถาบันการเงินที่มีต่อคนรวยก็ทำให้คนรวยสามารถที่จะกู้เงินไปได้ นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่คนรวยได้รับก็มักจะอยู่ในอัตราที่ต่ำ และนั่นเป็นเหตุผลสำหรับคำถามที่ว่า “ทำไม? คนรวย…ยิ่งรวย”
สอง ระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ (Modern Economics)
ในสังคมทั่วไปจะมีชนชั้นอยู่ด้วยกัน 3 ชนชั้นคือ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ชนชั้นกลางมักจะเป็นชนชั้นที่จะพยายามไข่วคว้าหาทรัพย์สมบัติและอำนาจ เพื่อที่จะถีบตัวเองขึ้นมาเป็นชนชั้นสูงให้ได้ แต่ด้วยระบบทุนนิยมที่เกิดขึ้น…ก็จะทำให้เกิดสภาพการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรง และนำไปสู่การแข่งขันทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม …มีการกีดกันทางการค้า …มีการกีดกันการสนับสนุนแหล่งเงินกู้ และอื่นๆ
ผลสุดท้าย…ที่ออกมามักจะพบว่า กิจการของพ่อค้ารายเล็กมักจะประสบกับปัญหาการล้มละลาย ตามมาด้วยการเข้าครอบครองกิจการโดยพ่อค้ารายใหญ่…ครั้งแล้ว…ครั้งเล่า ในที่สุดก็จะทำให้สังคมแปรเปลี่ยนไป และชนชั้นกลางก็จะค่อยๆหายไปจากสังคม เหลือไว้แต่เพียงชนชั้นสูง…และชนชั้นต่ำ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ในสังคมก็จะเหลือเพียงแต่…คนรวย…และคนจนเท่านั้น
สาม ทัศนคติในการจัดการเรื่องเงินของ…คนจน
คนจนมักจะมีแนวความคิดในการจัดการเรื่องเงินที่แตกต่างจากคนรวย โดยเมื่อคนจนได้เงินมาแล้ว พวกเขามักจะคิดถึงแต่วิธีการที่จะจ่ายหนี้สินต่างๆ เช่น วิธีการที่จะจ่ายบัตรเครดิต..ใบแจ้งหนี้..และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย
หลังจากที่พวกเขาได้จ่ายหนี้สินต่างๆไปหมดแล้ว พวกเขาก็มักจะไม่เหลือเงินเอาไว้เก็บออมเลย ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาคิดจะทำต่อไปก็คือ จะหาเงินอย่างไรต่อไปล่ะ? เพื่อที่จะมาจ่ายหนี้สินที่กำลังจะมาอีกในเวลาอันใกล้นี้
คนจนมักจะมีทัศนคติที่ว่า เมื่อคนจนมีรายได้ไม่ว่าจะมาจากเงินเดือนหรือรายได้เสริมนั้น หลังจากมีเงินเข้ามาแล้ว…คนจนก็มักจะใช้จ่ายไปกับสิ่งของที่จำเป็นและสิ่งของที่ไม่จำเป็น…จนเงินหมด ทำให้เงินออมมีค่าเป็นศูนย์หรือบางเดือนติดลบ จากนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆ บีบบังคับให้คนจนต้องรีบขวนขวายหารายได้ใหม่หรือกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำมาใช้จ่าย ในที่สุดก็กลายเป็นวัฏจักร ซึ่งอาจเรียกวัฏจักรนี้ว่า “วัฏจักรแห่ง…ความจนดักดาน”
สี่ ทำไม? คนรวย…ยิ่งรวย
ทัศนคติที่แทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงของคนรวย ก็ได้ทำให้คนรวยสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองได้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คนรวยมีแนวโน้มที่จะยิ่งรวยขึ้นไปอีก โดยทัศนคติที่สำคัญที่สุดของคนรวยก็คือ “ความคิดที่อยากจะเก็บออม”
เนื่องจากคนรวยมักจะมีความสุขที่ได้…อยู่กับความมั่งคั่ง …อยู่กับการที่มีเงินอยู่กับตนเป็นจำนวนมาก …อยู่กับความมั่นคงในการดำเนินชีวิต สิ่งเหล่านี้ทำให้คนรวย…ชอบที่จะแสวงหาความร่ำรวยอยู่ร่ำไป โดยการนำเงินที่ตนมีอยู่ไปแสวงหาโอกาสที่จะทำให้เงินของตนเกิดดอกออกผลมากขึ้น
เมื่อคนรวยได้เงินมาแล้ว คนรวยก็จะเก็บ “เงินออม” ขึ้นมาทันที ซึ่งอาจจะเป็น 30% หรือ 50% เป็นต้น จากนั้นเงินที่จะต้องใช้จ่ายก็จะเหลือน้อย จึงทำให้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น เงินออมเมื่อ…ผ่านเวลาที่ยาวนาน ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดใหญ่เพียงพอ จากนั้นก็จะนำเงินไปสร้างเครื่องจักรที่จะสร้างให้เกิด “รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน”
ดังนั้น การแก้ปัญหาคนจนที่ดีที่สุดคือ การ “ปรับทัศนคติ” โดยให้ “คนจน” เริ่มมีทัศนคติในการหาเงินและใช้จ่ายเงินอย่าง “คนรวย”
“ทัศนคติ” จึงเป็นสิ่งแรกที่จะต้องแก้ไข เมื่อปรับได้แล้ว…คนจนก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในที่สุดก็จะสามารถหลุดพ้นจากความเป็นคนจนไปได้
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Leave a comment