11 กรกฎาคม 2554
3,198 views
หนี้บัตรเครดิต… แก้ปัญหาอย่างไร ?… ให้สำเร็จ
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
หนี้บัตรเครดิต …แก้ปัญหาอย่างไร ? …ให้สำเร็จ
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
กรีซ… อีกแล้ว…
โครงการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตของรัฐบาล ที่มีเงื่อนไขผูกมาด้วยมากมาย เช่น ผู้ที่มีบัตรเครดิตหลายใบ สามารถเลือกเก็บบัตรเครดิตไว้ใช้ในยามจำเป็นได้ 1 ใบ หรือการต้องทำหนังสือแสดงเจตจำนงกับธนาคารว่า จะไม่ก่อหนี้ที่เป็นภาระบัตรเครดิตเพิ่มเติมอีกในช่วง 1 ปี ไม่เช่นนั้นธนาคารจะไม่อนุมัติ เป็นต้น ด้วยเงื่อนไขดังกล่าวก็ทำให้โครงการนี้มียอดอนุมัติน้อยมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 10,000 ล้านบาท การรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการให้เงินกู้รายย่อย ดังนั้นหากจะพิจารณาถึงความสำเร็จของการให้เงินกู้รายย่อยหรือการให้เงินกู้แก่คนระดับรากหญ้าที่มักจะเรียกกันว่า ?ไมโครไฟแนนซ์? นั้น จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องไปด้วยดังนี้
1. ความสำเร็จของไมโครไฟแนนซ์คือ อะไร ???
โครงการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตของรัฐบาล ที่มีเงื่อนไขผูกมาด้วยมากมาย เช่น ผู้ที่มีบัตรเครดิตหลายใบ สามารถเลือกเก็บบัตรเครดิตไว้ใช้ในยามจำเป็นได้ 1 ใบ หรือการต้องทำหนังสือแสดงเจตจำนงกับธนาคารว่า จะไม่ก่อหนี้ที่เป็นภาระบัตรเครดิตเพิ่มเติมอีกในช่วง 1 ปี ไม่เช่นนั้นธนาคารจะไม่อนุมัติ เป็นต้น ด้วยเงื่อนไขดังกล่าวก็ทำให้โครงการนี้มียอดอนุมัติน้อยมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 10,000 ล้านบาท การรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการให้เงินกู้รายย่อย ดังนั้นหากจะพิจารณาถึงความสำเร็จของการให้เงินกู้รายย่อยหรือการให้เงินกู้แก่คนระดับรากหญ้าที่มักจะเรียกกันว่า “ไมโครไฟแนนซ์” นั้น จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องไปด้วยดังนี้
หากใช้คำนิยามของคุณยูนูสเป็นบรรทัดฐานในการแก้ปัญหาความยากจนของคนจนแล้ว การที่รัฐบาลมากำหนดว่า คนจนจะต้องมีหนี้น้อยลง… คนจนจะต้องมีวินัยในการใช้จ่ายเงินมากขึ้น… และสุดท้ายลงเอยต่อไปว่า คนจนจะกู้เงินเพิ่มไม่ได้ จึงน่าจะเป็นความคิดที่สวนทางกับความเป็นจริงในปัจจุบัน ดังนั้นการไปกำหนดการไม่ให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้นเป็นเงื่อนไขในการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต จึงเป็นเหตุให้โครงการการรีไฟแนนซ์ดังกล่าว…ล้มเหลวอย่างที่เห็นกันอยู่
2. การกู้ยืมยิ่งมีระเบียบ… เงินกู้นอกระบบยิ่งเจริญ
ธนาคารแห่งประเทศไทยเคยมีความคิดที่จะให้ผู้ใช้บัตรเครดิตมีวินัยในการใช้จ่ายเงินมากขึ้น จึงออกระเบียบให้ผู้ใช้บัตรเครดิตต้องผ่อนชำระขั้นต่ำจาก 5 เปอร์เซ็นต์ไปเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณผู้อ่านลองค้นหากระทู้ของผู้ใช้บัตรเครดิตจำนวนมากในเว็บต่างๆดูจะพบว่า ด้วยความหวังดีในคราวนั้น…ได้ทำให้คนจนจำนวนมากต้องไปกู้เงินนอกระบบ โดยมีอัตราดอกเบี้ย 5-10 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน และต้องหักดอกตั้งแต่วันที่รับเงินกู้ แทนที่จะยังคงใช้สินเชื่อบัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยเพียง 1.5-2 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน
ตัวอย่างดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตาม…ที่รัฐบาลเกิดฮึดขึ้นมา…อยากจะสร้างระเบียบวินัยในการใช้จ่ายให้แก่คนยากจนด้วยความหวังดี ความหวังดีของรัฐบาลนั่นแหละ…ที่จะเป็นตัวผลักดันให้คนยากจนต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมากขึ้นนั่นเอง
3. การเข้าถึงสินเชื่อของคนจน… โจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องรีบทำ
ในงานวิจัยเรื่อง “Microfinance meets the Market” ของนาย Robert Cull ที่เสนอต่อมหาวิทยาลัยนิวยอร์คนั้น ได้ทำการสำรวจสถาบันการเงิน 346 แห่งที่ให้สินเชื่อระดับรากหญ้าแก่ประชาชนทั่วโลกกว่า 18 ล้านคนพบว่า ธนาคารพาณิชย์มักจะไม่ชอบทำสินเชื่อระดับรากหญ้าด้วยเหตุผลว่า ค่าใช้จ่ายในการให้สินเชื่อระหว่างลูกค้าระดับรากหญ้ากับคนทั่วไปเท่ากัน แต่กำไรของสินเชื่อรายย่อยอาจจะเท่าทุนหรือบางครั้งขาดทุน นอกจากนั้นเกณฑ์การให้สินเชื่อแก่รายย่อยและคนทั่วไปจะเหมือนกัน และมักจะพบว่า ลูกค้าระดับรากหญ้าจะไม่ผ่านเกณฑ์ทำให้ธนาคารเสียเวลา ดังนั้นธนาคารพาณิชย์ทั่วไปจึงไม่ให้ความสำคัญกับสินเชื่อประเภทนี้
ให้เงินกู้ได้… แต่ดอกเบี้ยต้องสูง.. สถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อแก่คนยากจน ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ จะคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูง เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่อครั้งและปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ธนาคาร Banco Compartamos ในประเทศเม็กซิโก เป็นธนาคารที่ประสพความสำเร็จในการปล่อยกู้ให้คนระดับรากหญ้า โดยการใช้อัตราดอกเบี้ยสูง…แต่ไม่เข้มงวดเรื่องหลักประกัน จนทำให้คนยากจนในเม็กซิโกใช้สินเชื่อของธนาคารนี้กันอย่างล้นหลาม เพราะทุกคนเข้าถึงได้ง่าย…และสบายใจในเงื่อนไขการกู้…แม้ว่าดอกเบี้ยจะสูงก็ตาม
ธนาคารกรามีนก็ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงสินเชื่อของคนจน ลูกค้าไม่ต้องไปหาธนาคาร ธนาคารต่างหากที่จะไปหาลูกค้า พนักงาน 14,989 คนของกรามีน เดินทางไปให้บริการกับลูกค้า 5.31 ล้านคนที่บ้านของพวกเขา ในหมู่บ้าน 57,791 แห่งทั่วประเทศ ทุกสัปดาห์ในแต่ละปี ลูกค้าของกรามีนสามารถชำระคืนเงินกู้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการชำระเงินต้นเป็นงวดๆ รายสัปดาห์ การทำธุรกิจแบบนี้แปลว่าธนาคารต้องมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการค่อนข้างสูง แต่มันช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกหนี้อย่างมหาศาล
ในประเทศไทย คนจนหลายคน…ไม่สามารถหาเงินกู้จากที่ไหนๆได้เลย และยังมีคนจนอีกเป็นจำนวนมากที่ธนาคารและสถาบันการเงินทุกแห่งปฏิเสธการให้สินเชื่อ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องคิดถึง… การเข้าถึงสินเชื่อของคนระดับรากหญ้าเป็นอันดับแรก ทุกวันนี้กองทุนหมู่บ้าน สหกรณ์ออมทรัพย์ ธนาคารออมสิน และสถาบันการเงินของภาครัฐอีกหลายแห่งก็ทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของคนยากจน รัฐบาลจึงต้องรีบหาหนทางเพิ่มขึ้นในการรองรับการเข้าถึงสินเชื่อของคนระดับรากหญ้าให้มากที่สุด
4. ผู้หญิงไทย…หัวใจในการขับเคลื่อน…ไมโครไฟแนนซ์
จากงานวิจัยของ Robert Cull ฉบับข้างต้น สถาบันการเงินของรัฐที่ให้สินเชื่อระดับรากหญ้าแล้วทำกำไรได้ จะมีลูกค้าเป็นผู้หญิงสูงถึง 86 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสถาบันการเงินเอกชนที่ให้สินเชื่อดังกล่าวและทำกำไรได้เช่นกัน จะมีลูกค้าเป็นผู้หญิงสูงถึง 67 เปอร์เซ็นต์
ธนาคารกรามีนของคุณยูนูส ก็ใช้หลักการเดียวกัน กล่าวคือ ธนาคารพาณิชย์ทั่วไปเน้นให้บริการกับผู้ชาย ในขณะที่กรามีนเน้นให้บริการกับผู้หญิง โดยพบว่า 96 เปอร์เซ็นต์ของลูกหนี้กรามีนเป็นผู้หญิง กรามีนช่วยเลื่อนสถานะทางสังคมของหญิงยากจนในสายตาของครอบครัวพวกเธอ ด้วยการให้โอกาสครอบครองสินทรัพย์ กรามีนตั้งเงื่อนไขว่า กรรมสิทธิ์ในบ้านที่สร้างโดยเงินกู้จากกรามีน จะตกเป็นของผู้กู้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ผมเองคิดว่า ผู้หญิงไทยคือ หัวใจในการใช้จ่ายเงินอย่างมีระเบียบวินัย ดังนั้นกฎกติกาควรถูกสร้างขึ้นตามแนวความคิดดังกล่าว โดยการส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทต่างๆในการกู้ยืมเงิน อาทิเช่น การให้ผู้หญิงเป็นผู้กู้ยืมเอง การให้ผู้หญิงเป็นคนค้ำประกัน และอื่นๆ ด้วยอุปนิสัยที่มักจะอ่อนไหวง่ายกับเหตุการณ์ต่างๆ จะทำให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในการใช้จ่ายเงินอย่างมีเหตุผล ซึ่งแน่นอน…มักจะดีกว่า…กฎ ระเบียบต่างๆที่รัฐมักจะออกมาบังคับคนจนให้ใช้จ่ายน้อยลง
ทำให้นึกถึงกวีชาวอเมริกันที่ชื่อ Ralph Waldo Emerson ที่กล่าวไว้ว่า “I have thought a sufficient measure of civilization is the influence of good women.” แปลตามความได้ว่า “ผมคิดว่า การมีอารยธรรมอย่างพอเพียงนั้น จะต้องมีผู้หญิงที่ดีเป็นคนนำ” ดังนั้นรัฐควรจะสรรหานโยบายที่ให้สินเชื่อระดับรากหญ้าโดยให้ผู้หญิงไทยเป็นแกนนำ ซึ่งจะนำไปสู่ “อารยธรรมที่พอเพียง” และอาจจะนำประเทศไทยไปสู่ “เศรษฐกิจพอเพียง” อย่างแท้จริงก็เป็นได้
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Sorry, comments for this entry are closed at this time.