doctorwe.com

Dr.Weraphong Chutipat   A Columnist

Fanpage 828_315
  • ล่าสุด
  • บทความ
  • แจกฟรี
  • การอบรม
  • ชม+ฟัง
  • ผู้เขียน


  • A A A
    • พ.ศ. :
    • 2563
    • 2562
    • 2561
    • 2560
    • 2559
    • 2558
    • 2557
    • 2556
    • 2555
    • 2554
      เดือน :
    • ม.ค.
    • ก.พ.
    • มี.ค.
    • เม.ย.
    • พ.ค.
    • มิ.ย.
    • ก.ค.
    • ส.ค.
    • ก.ย.
    • ต.ค.
    • พ.ย.
    • ธ.ค.

    26 กรกฎาคม 2554

    3,793 views

    ครัวของโลก… ยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยต้องทำ…วันนี้ !!

    พิมพ์หน้านี้

    คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย

    ครัวของโลก… ยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยต้องทำ…วันนี้ !!

    ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

    ตัวเลขของดัชนีราคาอาหารของวารสาร Food Price Watch ของธนาคารโลกฉบับเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่า ดัชนีราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นเกือบ 350 จุด ซึ่งเกือบสูงเท่าจุดสูงสุดในปี 2551 และมีแนวโน้มว่าราคาอาหารโลกจากนี้ไปจะอยู่ในระดับราคาที่สูง…และสูงขึ้น แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ราคาอาหารลดลงมาบ้างก็ตาม แต่ภาพรวมของแนวโน้มก็ยังคงจะสูงต่อไป ซึ่งนับเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทยที่มีความสามารถในการผลิตอาหารจำนวนมากป้อนให้แก่ตลาดโลก ทั้งนี้มีสาเหตุหลัก 5 ประการที่เป็นการสนับสนุนแนวโน้มราคาอาหารที่จะสูงขึ้นในอนาคตดังนี้

    1. ปัญหาโลกร้อน (Global Warming)

    องค์การของประเทศสหราชอาณาจักรที่มีชื่อว่า Commission on Sustainable Agriculture and Climate ซึ่งมีศาสตราจารย์จอห์น เบ็ดดิงตัน เป็นประธานได้กล่าวถึงปัญหาโลกร้อนว่า ความผันผวนของสภาวะอากาศในปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดภาวะแห้งแล้งครั้งใหญ่ในรัสเซีย จีน และบราซิล รวมถึงอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในออสเตรเลียและปากีสถาน ได้ทำให้ระดับราคาของอาหารสูงที่สุดในรอบ 40 ปีนับตั้งแต่วิกฤตการณ์น้ำมันในปี 2516 แต่สิ่งที่น่าเศร้ามากกว่านั้นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวิกฤตใหญ่ๆที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ อันเนื่องมาจากการปล่อยก้าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะแห้งแล้ง อุทกภัย และการขาดแคลนน้ำครั้งใหญ่

    Commonwealth Scientific and Research Organisation (CSIRO) องค์การทางด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลออสเตรเลียทำนายว่า หากทุกประเทศในโลกยังใช้ทรัพยากรของตนเช่นในปัจจุบันแล้ว ภายในปี 2573 อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยจะสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส และถ้ายังใช้ต่อไป…คาดว่าภายในปี 2613 อุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 7 องศาเซลเซียสจากอุณหภูมิเฉลี่ยในทุกวันนี้ และจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจากระดับน้ำทะเลในปัจจุบันไปอีก 30 เซนติเมตรและ 70 เซนติเมตร ในปี 2573 และ 2613 ตามลำดับ โดยจะทำให้พื้นที่ที่อยู่ในระดับต่ำจำนวนมากโดยเฉพาะในประเทศบังคลาเทศ อินเดีย เวียดนาม และจีนจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะทำให้พื้นที่เพาะปลูกในโลกลดลงเป็นจำนวนมาก

    2. ทางเลือกระหว่างอาหารหรือพลังงาน (Food or Fuel)

    ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น 10.3 เปอร์เซ็นต์ และพุ่งสูงขึ้นถึง 36 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา แนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นตัวผลักดันให้ราคาอาหารมีราคาสูงตาม เนื่องจากมีการนำข้าวโพด อ้อย และน้ำมันจากพืชอีกหลายชนิดไปดัดแปลงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพที่สามารถผลิตออกมาในราคาที่ถูกกว่า โดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริการายงานว่า ในปี 2551-2552 มีการใช้ข้าวโพดไปผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 31 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตข้าวโพดทั้งประเทศ พอมาถึงปี 2553-2554 คาดว่าการใช้ข้าวโพดมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงจะสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นยิ่งราคาน้ำมันยิ่งสูง… ราคาสินค้าเกษตรก็จะยิ่งสูงตาม… และราคาอาหารก็จะต้องสูงตามไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

    3. สังคมการบริโภค (Consumption-oriented Society)

    ในปี 2521 จีนได้ปฏิรูประบบเศรษฐกิจของประเทศ และได้เปลี่ยนตนเองไปเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์…แต่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยระบบทุนนิยม ในปัจจุบันจีนได้กลายเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก และเป็นผู้นำเข้าอันดับที่ 2 ของโลก ด้วยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์เป็นระยะเวลากว่า 30 ปี จำนวนประชากรยากจนที่สูงถึง 53 เปอร์เซ็นต์ในปี 2524 ลดลงเหลือเพียง 2.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2548

    การประชุม Committee on Commodity Problems ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 66 ณ ประเทศอิตาลี มีการคาดการณ์การนำเข้า ส่งออกสินค้าเกษตรของจีนและอินเดีย จนถึงปี 2563 ภายใต้สมมุติฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 8 ต่อปี พบว่า ระหว่างปี 2544-2563 จีนจะมีการนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 50 ทำให้จีนกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรสุทธิที่สำคัญ

    ในกรณีอินเดียพบว่า จะมีความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และความต้องการของเนื้อไก่จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ในขณะที่การผลิตเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.7 จึงต้องพึ่งพาการนำเข้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากหากเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา โดยมีเหตุผลมาจากการที่ประชาชนมีเงินมากขึ้น และต้องการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น

    4. สังคมเมืองเติบโตขึ้น (Expansion of Urbanization)

    ในการประชุม Central Economic Work Conference พบว่า ในปี 2540 อัตราส่วนระหว่างรายได้คนเมืองต่อรายได้คนชนบทในสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ที่ 2.2 ต่อ 1 พอมาในปี 2543 รายได้ของคนเมืองก็เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้อัตราส่วนดังกล่าวไปอยู่ที่ 2.79 ต่อ 1 ในปี 2551 พบว่าอัตราส่วนรายได้ของคนเมืองยิ่งสูงขึ้นไปอีกโดยอัตราส่วนอยู่ที่ 3.3 ต่อ 1 ส่วนใหญ่คนเมืองจะมีกิจกรรมด้านสังคมจำนวนมาก และนำไปสู่อัตราการบริโภคอาหารที่มากกว่าคนชนบทเป็นอย่างมาก ซึ่งพบว่าอัตราการบริโภคของคนเมืองเทียบกับคนทั้งประเทศในปี 2522 อยู่ที่ 32.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ต่อมาในปี 2551 การบริโภคของคนเมืองต่อคนทั้งประเทศอยู่ที่ 68 เปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ของจีนได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเขตเมืองแล้ว

    5. การใช้ทฤษฎีเคนส์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (Keynesian Approach)

    เศรษฐศาสตร์สำนักเคนส์ คือทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่มีพื้นฐานจากความคิดของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ทฤษฎีของเคนส์เชื่อว่า การที่เศรษฐกิจเกิดตกต่ำอย่างรุนแรง ปัญหาการว่างงานจะเลวร้ายตามมา ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อหยุดยั้งการทรุดตัวของเศรษฐกิจ และเพื่อให้เกิดการจ้างงานต่อไปให้ได้

    ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่พยายามใช้งบประมาณขาดดุลเพื่ออัดฉีดเงินเข้าไปในระบบตามทฤษฎีเคนส์ ในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีการดำเนินนโยบายขาดดุลมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 มีตัวเลขสูงถึง 14.32 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 98 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตมวลรวม (GDP) ของสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ที่ 14.66 ล้านล้านดอลลาร์ (จากบทความ “ดู…ยักษ์ใหญ่เป็นหนี้ แล้วย้อนดู…ตัวเอง” ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ) งบประมาณของประเทศไทยในปี 2554 ที่สูงถึง 2.07 ล้านล้านบาท ก็เป็นงบประมาณขาดดุล ซึ่งขาดดุลสูงถึง 4.2 แสนล้านบาทหรือ 20 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณทั้งหมด ในขณะนี้หลายๆประเทศล้วนแต่ดำเนินนโยบายขาดดุลเป็นจำนวนมาก โดยมีจุดมุ่งหมายให้เศรษฐกิจขยายตัวและแก้ไขปัญหาคนว่างงาน ซึ่งจะนำไปสู่การบริโภคอาหารที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดยอัติโนมัติ

    ด้วยข้อสนับสนุนทั้ง 5 ข้อ จึงทำให้ประเทศไทยต้องเร่งสร้างยุทธศาสตร์ในการทำให้ประเทศไทยกลายไปเป็น “ครัวของโลก” ทำให้นึกถึงคำกล่าวของ บิล เกตส์ อดีตประธานของบริษัทไมโครซอฟต์ ที่ว่า “As we look ahead into the next century, leaders will be those who empower others.” แปลตามความได้ว่า “ในขณะที่เรากำลังมองไปในศตวรรษหน้านั้น ผู้นำเท่านั้น…ที่จะเป็นคนให้พละกำลังแก่ผู้อื่น…ในการก้าวไปข้างหน้า” ดังนั้นเมื่อโอกาสของประเทศไทยที่จะเป็น “ครัวของโลก” มาถึงแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดต่อไปที่จะต้องสานฝันและทำทุกอย่างเพื่อที่จะนำพาบริษัทของคนไทย…พร้อมกับผลผลิตของคนไทย…ก้าวไปเป็นผู้นำในเวทีการค้าโลกด้วยมันสมอง มิใช่ด้วย…นโยบายประชานิยม…ที่เน้นแต่การแจกแหลก…โดยยังไม่เห็นแผนยุทธศาสตร์ที่จะรองรับอนาคตของประเทศไทยเลย

    พิมพ์หน้านี้

    ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

    3,793 views  382 Comments

    Posted Under โพสต์ทูเดย์

    No Comments Yet

    You can be the first to comment!

    Sorry, comments for this entry are closed at this time.

      • 10 อันดับ
      • Facebook
      • Twitter

      บทความที่โพสต์ขึ้นเฟสบุ๊ค เมื่อคืนนี้เอาขึ้นเว็บแล้วนะครับสนใจคลิกที่... http://t.co/ylMslUNy

      follow me on
      twitter

    •  
    • Subscribe Email


       

    • Polls Sorry, there are no polls available at the moment.
    • Tag Cloud
      CSR GDP IMF กรีซ การลงทุน ครัวโลก ความรู้นักลงทุน ความเป็นอิสระทางการเิงิน คอร์รัปชัน ค่าแรง ตาน ฉ่วย ทองคำ ธนินทร์ เจียรวนนท์ น้ำท่วม 2554 บัตรเครดิต ประชาธิปไตย พม่า พื้นที่ทับซ้อน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยุโรป วิกฤตซับไพรม์ วิธีบริหารกองทุน วีรพงษ์ ชุติภัทร์ สหรัฐอเมริกา หนองหว้า หนี้สาธารณะ หมู่บ้านเกษตรกรรม หมู่เกาะสแปรตลีย์ หุ้น หุ้นแอปเปิ้ล หุ้นโกดัก อาเซียน อิสรภาพทางการเงิน อเมริกา เจริญโภคภัณฑ์ เจริญโภคภัณฑ์อาหาร เผด็จการ เล่นหุ้น เศรษฐกิจไทย แมคอินทอช แอปเปิ้ล โกดัก โซเวียต ไอเอ็มเอฟ ไอแพด 2
    • สถิติบล็อก
      • 2485037เข้ามาอ่านทั้งหมด:

    This site is using the Handgloves WordPress Theme
    Designed & Developed by George Wiscombe

    Subscribe via RSS