11 ธันวาคม 2554
5,936 views
เมื่อ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื้อหุ้น เทสโก้ (โลตัส)
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
เมื่อ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื้อหุ้น เทสโก้ (โลตัส)
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
วอร์เรน บัฟเฟตต์ หนึ่งในอภิมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกชาวสหรัฐอเมริกา ที่หลายคนต่างทราบว่า เขาเป็นมหาเศรษฐีที่สร้างตัวด้วยตนเอง โดยการเข้าซื้อหุ้นและซื้อกิจการของบริษัทที่เขาคิดว่าคุ้มค่าในการลงทุน บัฟเฟตต์มักจะชอบมองหาบริษัทที่มีราคาหุ้นตกต่ำสุดๆ..เพื่อที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งต่อมาก็ได้สร้างผลตอบแทนอย่างมหาศาลให้แก่เขาและบริษัท เบริกไชร์ ฮาทาเวย์ ของเขา เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา..ราคาหุ้นเบิร์กไชร์ ฮาทาเวย์ (BRK/A:US) อยู่ประมาณ 116,235.- ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อหุ้น คิดง่ายๆถ้าคุณผู้อ่านคิดจะซื้อหุ้นของบัฟเฟตต์เพียงหุ้นเดียว..คุณผู้อ่านต้องจ่ายเงินถึงประมาณ 3.5 ล้านบาท (ในขณะที่มีหุ้น “ต่ำกว่าบาท” ในบ้านเรา..ให้ซื้อกันได้อย่างมากมาย)
เทสโก้ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกจากเกาะอังกฤษ และยังเป็นเจ้าของห้างเทสโก้โลตัส ที่มีสาขามากมายในเมืองไทย เทสโก้ถือได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านห้างค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก อย่างไรก็ตามด้วยปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนที่รุมเล้าเศรษฐกิจของทุกประเทศในยุโรป นักลงทุนต่างประเทศจึงมักจะเลือกที่จะหนีไปลงทุนในทวีปอื่นมากกว่า จึงทำให้หุ้นเทสโก้ราคาตกต่ำลง แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลับตัดสินใจเพิ่มขนาดการลงทุนในเทสโก้ โดยการให้บริษัท เบิร์กไชร์ ฮาทาเวย์ ของเขาเข้าซื้อหุ้นเทสโก้เพิ่มขึ้นอีก โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ
- 1. บัฟเฟตต์วิเคราะห์แบบนี้มาแล้ว 60 ปี ปัจจุบัน..เขาก็ยังคงทำเหมือนเดิม
อาจกล่าวได้ว่า สไตล์การลงทุนของบัฟเฟตต์ค่อนข้างที่จะศึกษาได้ง่าย..แต่ลึกซึ้ง บัฟเฟตต์จะไม่ลงทุนในธุรกิจ..ที่เขาไม่เข้าใจ บัฟเฟตต์จะไม่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนมากนัก เพราะว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของโลกมีความสลับซับซ้อนสูง จึงทำให้มีความเสี่ยงสูง บัฟเฟตต์จะชอบลงทุนในธุรกิจที่เข้าใจได้ง่าย มีทรัพย์สินที่มีตัวตนและจับต้องได้ (ยกเว้นไอบีเอ็ม) และมีศักยภาพในการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งขันสูง ดังนั้นเทสโก้จึงเข่าข่ายหุ้นที่บัฟเฟตต์ต้องการเป็นเจ้าของ
แม้ว่าบัฟเฟตต์จะมองว่ามีธุรกิจยอดเยี่ยมในยุโรปอีกเป็นจำนวนมาก แต่ธุรกิจที่บัฟเฟตต์ต้องการซื้อหุ้นจริงๆ ก็คือ เทสโก้ บัฟเฟตต์ยังกล่าวด้วยความมั่นใจต่อไปอีกว่า “ถ้าราคาหุ้นของเทสโก้ยังตกลงมาอีก.. เขาก็จะซื้อหุ้นตัวนี้เพิ่มอีก” บัฟเฟตต์ยังยืนหลักการเดิมที่เขาใช้ในการวิเคราะห์หุ้นที่เขาจะลงทุนมาแล้วกว่า 60 ปี ..และจะยังคงใช้ต่อไป
- 2. ถ้าธุรกิจไปได้ดี.. ในที่สุดราคาหุ้นก็ขยับตามเอง
บัฟเฟตต์ได้สั่งซื้อหุ้นเทสโก้ก่อนที่เขาจะเดินทางไปต่างประเทศ โดยเขากล่าวว่า “ก่อนที่ผมจะเดินทางออกจากโอมาฮา (เมืองเกิดในสหรัฐอเมริกา) ผมได้สั่งซื้อหุ้นยุโรปตัวหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่า..หุ้นตัวนี้มันน่าซื้อมากในวันนี้..หรือพรุ่งนี้..หรือวันต่อไป..สัปดาห์หน้า..หรือแม้แต่เดือนหน้าก็ตาม” หุ้นตัวที่บัฟเฟตต์พูดถึงก็คือ หุ้นเทสโก้ ที่บัฟเฟตต์มีความเชื่อว่า แม้ว่าบริษัทในทวีปยุโรปในเวลานี้จะผจญกับมรสุมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง แต่หุ้นเทสโก้ที่บัฟเฟตต์ซื้อ..ก็ยังคงน่าซื้ออยู่ดี..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในทวีปยุโรปก็ตาม เพราะบัฟเฟตต์เชื่อว่า ถ้าธุรกิจนั้นๆยังไปได้ดีอยู่ ในที่สุดราคาหุ้นของมันก็จะขยับราคาตามผลประกอบการที่ดีไปเอง
- 3. มันไม่จำเป็นที่จะต้องถูกที่สุดหรอก.. ขอเพียงแต่ข้อเสนอนั้นคุ้มค่าในการลงทุน.. การตัดสินใจซื้อก็สมเหตุผลแล้ว
คำพูดข้างต้นเป็นของนายฟิล โดล ผู้จัดการกองทุนเอฟแอนด์ซี ที่ถือหุ้นเทสโก้อยู่ 0.8 เปอร์เซ็นต์ เขาพูดถึงการลงทนในหุ้นเทสโก้ในขณะนี้ว่า.. ราคาหุ้นของเทสโก้ไม่ได้ถูกที่สุด เพียงแต่..มันคุ้มค่าในการลงทุน
ในขณะที่บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนในหุ้นเทสโก้ในปี 2550 โดยราคาในช่วงนั้นตกอยู่ที่หุ้นละ 428 ปอนด์ แต่พอมาถึงปลายปีนี้ ราคาหุ้นตกลงไปอยู่ที่ 371 ปอนด์ ถ้าเป็นนักลงทุนทั่วไปอาจตกใจและเทขายหุ้นไปแล้ว แต่..บัฟเฟตต์ทำในสิ่งตรงกันข้ามโดยเข้าไปซื้อหุ้นเทสโก้เพิ่มอีกจำนวนสูงถึง 34 ล้านหุ้น และทำให้บริษัทของเขาถือหุ้นเทสโก้สูงถึง 3.6 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นเทสโก้ทั้งหมด
- 4. ในยามเศรษฐกิจไม่ดี.. ผู้คนก็หันไปหาสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูกจริงๆเท่านั้น
วิกฤตยุโรปไม่ได้ทำให้เฉพาะประเทศในกลุ่มยูโรโซนประสบปัญหาเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ประเทศอังกฤษที่อยู่นอกกลุ่มก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย Roisin Donnelly ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของพรอคเตอร์แอนด์แกมเบิลกล่าวว่า “ในเวลานี้ ผู้คนในอังกฤษได้กลายเป็นนักล่าโปรโมชันกันไปหมดแล้ว” ดังนั้นสินค้าทุกตัวที่ขายจึงต้องมีกลยุทธ์การลดราคาอย่างเป็นรูปธรรม จึงทำให้คนอังกฤษหันไปหาสินค้าที่มีแบรนด์แต่ราคาถูก และเป็นเหตุให้สินค้ายี่ห้อ “เทสโก้” ขายไม่ออก
เทสโก้พบว่าโปรโมชันต่างๆไม่ว่าจะเป็น.. “จ่ายครึ่งราคา” “3 ชิ้น 3 ปอนด์” หรือ “ซื้อ 1 แถม 1” สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเลย เพราะลูกค้ารู้ว่า..สินค้าตัวหนึ่งลดราคา ก็จะไปเพิ่มราคาสินค้าอีกตัวหนึ่ง “เทสโก้” จึงต้องต่อสู้..โดยใช้เงินกว่า 500 ล้านปอนด์จัดโปรโมชันลดราคาสินค้ายี่ห้อ “เทสโก้” ครั้งใหญ่ ด้วยการใช้กลยุทธ์ “การลดราคาสินค้าทุกตัว”..เพื่อส่งเสริมสินค้าที่ใช้ยี่ห้อ “เทสโก้” ของตนให้ต่อสู้ได้ และอยู่รอดต่อไปภายใต้มรสุมทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในทวียุโรป
ท้ายนี้ถ้าคุณผู้อ่านอยากรวยแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์.. ผมมีคำพูดของเขาที่ควรจะจดจำเอาไว้ตลอดกาล.. เขาพูดไว้ว่า “If a business does well, the stock eventually follows.” ใช่แล้วครับ.. คำพูดที่ว่านั้นก็คือ “ถ้าธุรกิจยังไปได้ดีอยู่ ในที่สุดราคาหุ้นก็จะขยับตามเอง” ขออวยพรให้คุณผู้อ่านทุกท่านรวยแบบ “บัฟเฟตต์”ในเร็ววันนะครับ.. โชคดีครับ
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Sorry, comments for this entry are closed at this time.