18 ธันวาคม 2554
3,120 views
2555 ราคาทองคำ..จะไปทางไหน ??
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
2555 ราคาทองคำ..จะไปทางไหน ??
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
ไม่ต้องบอก..คุณผู้อ่านก็คงพอรู้ว่า.. ช่วงนี้หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่มักจะถามกันในหมู่นักลงทุนที่มีตังเหลือก็คือ “2555 ราคาทองคำ..จะไปทางไหน ??” ผมเองก็ถูกถามในคำถามเดียวกันนี้ ซึ่งถ้าใครตอบถูก.. คนๆนั้นคงจะต้องรวยระเบิดแน่ๆเลย อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้ขัดศรัทธาของคุณผู้อ่านที่ตั้งใจถามมา ผมจึงรวบรวมความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ นักวิจารณ์หลายคน มาเพื่อประมวลให้คุณผู้อ่านได้อ่านและพิจารณาดังนี้ครับ
หนึ่ง ตอนนี้ใครๆก็มองแต่.. สินทรัพย์ที่มีตัวตน
หากพอจำกันได้ ราคาทองคำได้ไปขึ้นไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยขึ้นไปถึง 1,920 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ แม้ว่าในเวลานี้จะลดลงมาบ้างก็ตาม แต่หากย้อนกลับไป 12 เดือนจะพบว่ามันขึ้นมาโดยเฉลี่ยประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าปี 2554 เป็นปีทองอีกปีหนึ่งของราคาทองคำ
Peter Krauth นักวิเคราะห์จากวารสาร Money Morning ให้ความเห็นว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจที่ไม่ดีในหลายประเทศ น่าจะส่งผลให้ราคาทองคำในปี 2555 ขึ้นไปถึง 2,200 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ และหลังจากนั้นยังมีโอกาสไปต่อถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ส่วน Sean Boyd ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Agnico-Eagle Mines Ltd ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค ก็ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “ตอนนี้ใครๆก็มองหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีตัวตนและทองคำ ผมจึงมองไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ราคาทองคำไม่ขึ้นไปอีก ผมคิดว่ามันจะขึ้นต่อ.. และมันจะขึ้นถึง 2,000 ดอลลาร์(ต่อทรอยออนซ์) ในเร็วๆนี้”
สอง ประเทศที่นิยมทองคำ..ยังมีเศรษฐกิจดีอยู่
ประเทศหลายประเทศในทวีปเอเชียที่ยังมีเศรษฐกิจดีอยู่ ยังคงซื้อทองคำเป็นจำนวนมาก เช่น ในประเทศอินเดีย หลังฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรไปแล้ว ผู้คนจะจัดเทศกาลฉลองอย่างมากมายรวมทั้งงานแต่งงานด้วย และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การซื้อเครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำเพื่อมอบให้แก่กัน แต่ที่สำคัญที่สุด.. จะต้องแต่งมาอวดกันในงานเหล่านี้
ในขณะที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน หนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดในโลก มักจะชอบซื้อทองคำแจกให้ญาติมิตรในช่วงเทศกาลตรุษจีนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจากการที่เศรษฐกิจในประเทศดีและราคาทองคำขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้คนจีนมักจะซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในเทศกาล “โกลเด้นวีค” ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ช่วงคือ ช่วงวันแรงงาน 1 พฤษภาคมของทุกปี และช่วงวันชาติจีน 1 ตุลาคมของทุกปี คนจีนจะหยุดกันทั้งสัปดาห์ และจะซื้อตั๋วโดยสารทั้งรถ รถไฟ เรือ และเครื่องบินกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน แต่ตอนนี้มักจะซื้อ..ทองคำเพิ่มเข้าไปด้วย
สาม ความเห็นจากคนทำเหมืองทองคำ
ธนาคารแสตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในเหมืองทองคำจำนวนถึง 345 เหมือง เกี่ยวกับปริมาณทองคำที่จะผลิตได้ และปริมาณทองคำที่ตลาดโลกต้องการใช้ภายใน 5 ปีข้างหน้าพบว่า การผลิตทองคำจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3.6 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่ปริมาณความต้องการทองคำจะเพิ่มขึ้นมากกว่านั้นมาก โดยพวกเขาคาดการณ์ว่าราคาทองคำในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า น่าจะมีโอกาสแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
Alamos Gold Inc บริษัทซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองทองคำมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในเม็กซิโก กล่าวถึงความต้องการทองคำที่มีมากในขณะนี้ว่า บริษัทต้องพยายามเพิ่มผลผลิตทองคำอีก 50 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ในขณะที่ Eldorado Gold Corp. ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองมูลค่า 9.75 พันล้านดอลลาร์ในจีนและตุรกี กล่าวว่าทางบริษัทจะต้องเพิ่มผลผลิตเป็นสองเท่าให้ได้ภายในปี 2558 ด้วยเหตุผลเดียวกันกับ Alamos
สี่ การถือครองทองคำอย่างเหนียวแน่นและนานขึ้นของภาครัฐและประชาชนทั่วไป
ในปัจจุบันธนาคารชาติของหลายประเทศเลือกที่จะถือครองทองคำอย่างเหนียวแน่นและนานขึ้น เนื่องจากมั่นใจว่าภายใต้ภาวะเงินเฟ้อที่สูงในขณะนี้ การด้อยค่าของทองคำจะมีน้อยกว่าการด้อยค่าของพันธบัตรสหรัฐอเมริกาหรือกลุ่มประเทศยุโรป (อ่านเพิ่มเติมได้ในโพสต์ทูเดย์ “ทองคำ ทรัพย์สินที่ทุกคน..ควรมี” 30 สิงหาคม 2554) สำหรับประชาชนทั่วไปการถือครองในขณะนี้มีโอกาสที่จะถือนานขึ้น เพราะแนวโน้มราคาทองคำที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นทั้งภาครัฐและประชาชนทั่วไปของเกือบทุกประเทศ ก็มีแนวโน้มที่จะขายทองคำที่ตนถืออยู่ออกมาในตลาดน้อยลง ประกอบกับการผลิตทองคำที่ไม่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ปริมาณทองคำที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดพลอยน้อยลงไปด้วย จึงเป็นแรงกดดันให้ราคาทองคำต่ำลงได้ยากและยังมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นต่อไปอีกด้วย
อนึ่ง ผมได้ค้นหาข้อมูลไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่พบนักวิเคราะห์หรือนักวิจารณ์ที่ให้เหตุผลว่า ไม่ควรถือครองทองคำในระยะยาวอย่างมีนัย
ดังนั้นด้วยเหตุผลข้างต้นจึงมีแนวโน้มว่า ปริมาณทองคำที่จะให้ซื้อขายดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้คนในโลกนี้เสียแล้ว ทำให้นึกถึงคำพูดของ John Buchanan Robinson อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ที่พูดไว้ว่า “There is never enough gold to redeem all the currency in circulation.” แปลตามความได้ว่า “ทองคำไม่มีวันเพียงพอ..หากใช้เงินทั้งโลกซื้อ” ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ทองคำนั้นหายาก ดังนั้นจึงควรหาโอกาสซื้อเสียแต่วันนี้.. เพราะวันหน้าอาจจะทำใจซื้อไม่ลง
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Sorry, comments for this entry are closed at this time.