15 มีนาคม 2555
6,240 views
เกษียณเร็ว ด้วย.. หุ้นปันผล
หลังจากที่บทความเรื่อง “ความเป็นอิสระทางการเงิน.. คุณอยากได้ไหม ?” ได้ถูกเผยแพร่ออกไปให้คุณผู้อ่านหลายท่านได้อ่าน (หาอ่านได้ในโพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 หรือ www.doctorwe.com/posttoday/20120220 ) ก็มีคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับ “หุ้นปันผล” โดยส่วนใหญ่มักจะอยากลงทุนในหุ้นปันผลที่สามารถถือครองได้เป็นระยะเวลายาวๆ เพื่อมาชดเชยกับรายได้จากเงินเดือนที่จะหายไป..ในกรณีที่อยากจะเกษียณก่อนวัย ผมจึงได้รวบรวมคุณสมบัติของหุ้นปันผลที่โดดเด่นไว้ ดังนี้ครับ
หนึ่ง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินระยะยาว
บริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ในที่นี้หมายถึงไม่มีหนี้สินระยะยาวเลย บริษัทเหล่านี้มักจะมีแต่หนี้การค้า..ซึ่งเป็นหนี้ปกติที่มีระยะสั้นเท่านั้น หรือหากจะมีหนี้สินระยะยาวก็จะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt/Equity ratio) อยู่ในระดับต่ำ (ปกติไม่ควรเกิน 1 เท่า) โดยบริษัทเหล่านี้มักจะชอบปันผลด้วยเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้น ในบางกรณียังมีการปันผลพิเศษอันเกิดจากธุรกรรมพิเศษนอกเหนือจากผลกำไรตามปกติให้แก่ผู้ถือหุ้นอีกด้วย
นอกจากนั้น การดำเนินนโยบายการเงินที่เสมอต้นเสมอปลายของบริษัทก็มีความสำคัญ ในตลาดหุ้นบ้านเรา..มีหุ้นอยู่หลายตัวที่วันดีคืนดีก็จ่ายเงินปันผลจำนวนมาก พอปีถัดมาก็ไม่ยอมจ่ายอีก ซึ่งหากคุณผู้อ่านได้มีโอกาสดูงบการเงินของบริษัทเหล่านี้ย้อนหลังกลับไป 5-10 ปี ก็มักจะพบว่างบการเงินของบริษัทเหล่านี้จะไม่ค่อยเสมอต้นเสมอปลาย เช่น มักจะมีการกู้เข้ามาเป็นจำนวนมากในบางปี ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงมาก..ซึ่งมักจะลงเอยด้วยการงดจ่ายเงินปันผล บางปีได้กำไรมาก..ก็จ่ายเงินปันผลออกมามากๆ
สอง บริษัทต้องถือครองเงินสดเป็นจำนวนมาก
บริษัทจำเป็นที่จะต้องมีเงินสดในบริษัทเป็นจำนวนมากเสียก่อน จึงจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ ในบางบริษัทที่ไม่มีเงินสดมาก แต่ใช้วิธีกู้เงินเข้ามา..เพื่อจ่ายเงินปันผล พอปีต่อๆมา..ก็แทบจะไม่ได้จ่ายเงินปันผลออกมาอยู่ดี ดังนั้นบริษัทจึงจำเป็นที่จะต้องมีเงินสดจำนวนมากเสียก่อน จึงจะมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ
แต่..ก็ไม่ได้หมายความว่า บริษัทที่มีเงินสดจำนวนมากๆ..จะจ่ายเงินปันผลดี เช่น แอปเปิ้ล ผู้ผลิตไอโฟน ไอแพด เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีเงินสดอยู่ในบริษัทมากที่สุดในโลก โดยคาดกันว่าปัจจุบันน่าจะมีเงินสดประมาณหนึ่งแสนล้านดอลลาร์หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท (มากกว่างบประมาณประเทศไทยที่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท) แต่แอปเปิ้ลก็แทบจะไม่เคยจ่ายเงินปันผลประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้นเลย เช่นเดียวกับ เบริกไชร์ ฮาร์ทาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็แทบจะไม่เคยจ่ายเช่นเดียวกัน
การประชุมผู้ถือหุ้นที่ยิ่งใหญ่ของ เบิร์กไชร์ ฮาร์ทาเวย์.. แต่ไม่จ่ายปันผลเลย
สาม มูลค่าของราคาหุ้น…น่าสนใจ
ข้อนี้เป็นเพียงการเสนอแนะราคาที่จะอยู่ในระดับน่าจะซื้อเท่านั้น ราคาหุ้นที่น่าจะลงทุนควรจะมีค่า P/E ( Price/Earning Ratio หรือ อัตราส่วน ราคา/กำไร ) ประมาณ 15-20 เท่า อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ดีมากบางตัว..ตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดก็ไม่เคยมีค่า P/E อยู่ในระดับดังกล่าวเลย แต่มักจะสูงเป็น 25-30 เท่าด้วยซ้ำไป ในขณะที่หุ้นบางตัวมีค่า P/E ต่ำกว่า 10 เท่าก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก..ราคาหุ้นก็ไม่ไปไหน ดังนั้นข้อนี้จึงเป็นเพียงข้อเสนอแนะเท่านั้น และต้องเอาปัจจัยอื่นๆมาพิจารณาประกอบด้วย
ในบางตำราจะมีการใช้ค่า P/E/G ( Price/Earning/Growth Rate หรือ ราคา/กำไร/อัตราการเจริญเติบโต) ตัวอย่างเช่น หุ้น A มีราคาในตลาดอยู่ที่ 60 บาท มีกำไรต่อหุ้นปีนี้อยู่ที่ 3 บาท และมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหุ้น A จะมีค่า P/E = 60/3 = 20 เท่า และค่า P/E/G = 60/3/25 = 0.8 เท่า โดยค่า P/E/G ที่มีค่าน้อยกว่า 1 เท่าจะแสดงว่า หุ้นตัวนั้นน่าสนใจลงทุน หากมากกว่า 1 เท่าก็จะไม่น่าสนใจเข้าไปลงทุน ในกรณีนี้หุ้น A จึงน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน แต่..ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบด้วยครับ
สี่ หุ้นปันผลที่ยิ่งใหญ่… มักจะมาจากบริษัทที่ยิ่งใหญ่
เนื่องจากบทความนี้เราพูดถึงแต่ “หุ้นปันผล” เท่านั้น ผมเลยคิดว่าพวกเราจะไม่มีแนวโน้มที่จะขายหุ้นเหล่านี้ออกไปในระยะสั้น ผมหมายถึงว่า คุณผู้อ่านควรจะถือหุ้นปันผลเหล่านี้ยาวนานถึง 5ปี..10ปี.. หรือไม่ขายออกไปเลย..ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ และจะรอแต่เงินปันผลที่จะออกมาให้เราได้ใช้ทุกปีเท่านั้น
โฆษณา “โคคา-โคล่า” ในจีน ตลาดที่ใหญ่ที่สุดตลาดหนึ่งของโลก
ดังนั้น ผมจึงคิดว่าหุ้นปันผลของบริษัทที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น..จึงจะเหมาะกับคุณผู้อ่านที่มีแนวความคิดดังกล่าว หุ้นโคคา-โคล่า..ถือได้ว่าเป็นหุ้นบลูชิปชั้นยอดของโลก โคคา-โคล่า..ได้จ่ายเงินปันผลทุกปีติดต่อกันมาเป็นเวลาร่วม 50 ปีแล้ว และที่สำคัญเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น..จะจ่ายเพิ่มขึ้นเกือบจะทุกปี แมคโดนัลด์..บริษัทอาหารจานด่วน ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จ่ายเงินปันผลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยติดต่อกันมาแล้วกว่า 35 ปี คุณผู้อ่าน..จึงควรหาและลงทุนแต่หุ้นของบริษัทที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ทำให้นึกถึงคำพูดของ Maria Bartiromo คอลัมนิสต์สาวสวยชาวนิวยอร์ค..ที่พูดถึง “เงินปันผล” ไว้ว่า “A lot of people love Oreos. So their manufacturer is making money. That means more dividends for shareholders.” แปลตามความได้ว่า “มีคนจำนวนมากที่ชอบทานคุกกี้ยี่ห้อ..โอรีโอ บริษัทผู้ผลิตจึงทำกำไรได้อย่างงดงาม และนั่นหมายถึง การให้เงินปันผลที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นด้วย” ดังนั้นวิธีง่ายๆอีกวิธีหนึ่ง..ในการซื้อหุ้นก็คือ บริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน..ขายดีหรือเปล่า ??
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Sorry, comments for this entry are closed at this time.