22 มีนาคม 2555
6,914 views
เมื่อกูรู จิม โรเจอร์ส พูดถึง…ราคาทองคำ
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
เมื่อกูรู จิม โรเจอร์ส พูดถึง…ราคาทองคำ
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
กูรูนักลงทุน จิม โรเจอร์ส
จิม โรเจอร์ส (Jim Rogers) เป็นชื่อที่คุณผู้อ่านหลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ ผมจึงขอเล่าประวัติความยิ่งใหญ่ของเขาให้คุณผู้อ่านได้พอเข้าใจเสียก่อน เขาเกิดในรัฐอลาบามา สหรัฐอเมริกาในปี 2485 ในปี 2516 เขาร่วมกับ จอร์จ โซรอส (ชื่อนี้คุณผู้อ่านคงคุ้นเคยดี) ก่อตั้งกองทุนควอนตัมขึ้น โรเจอร์สและโซรอสได้ช่วยกันบริหารกองทุนควอนตัมมาโดยตลอด หลังจากนั้น 10 ปีกองทุนนี้ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 4,200 เปอร์เซ็นต์ (ถ้าคุณผู้อ่านให้เงิน 1 ล้านบาทแก่สองคนนี้ไปบริหาร ภายใน 10 ปีมีเงิน 42 ล้านบาท..จะน่าสนใจไหมครับ) ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีเอสแอนด์พี 500 ให้ผลตอบแทนเพียง 47 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2523 โรเจอร์สก็กลายเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว.. และตัดสินใจเกษียณก่อนวัยเมื่อเขามีอายุเพียง 37 ปีเท่านั้น
หลังจากนั้นโรเจอร์สก็ยังใช้ชีวิตเป็นนักลงทุนตัวยง และเป็นคนวิจารณ์ตลาดหุ้น ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมีแฟนๆทั่วโลกจำนวนมหาศาลคอยติดตามการวิพากษ์วิจารณ์ของเขาอย่างไม่ขาดสาย ในบทความนี้ผมได้กรองมาเฉพาะบทความที่โรเจอร์สพูดเกี่ยวกับราคาทองคำเท่านั้น เพราะเป็นการลงทุนที่คุณผู้อ่านส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้..ดังนี้ครับ
หนึ่ง สหรัฐอเมริกายังแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์เงินจำนวนมหาศาล..อัดฉีดเข้าไปในระบบอยู่
โรเจอร์ส..มองว่าเศรษฐกิจในอเมริกายังแย่อยู่และฟื้นตัวได้อย่างเชื่องช้า นอกจากนั้นอเมริกายังชอบใช้วิธีที่เร็วๆในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หนึ่งในวิธีที่อเมริกานิยมใช้ก็คือ มาตรการผ่อนคลายทางด้านการเงิน (Quantitative Easing – QE) วิธีการนี้อธิบายง่ายๆก็คือ การพิมพ์ธนบัตรจำนวนมากอัดฉีดเข้าไปในระบบ และค่อยๆเอามันกลับออกมาในอนาคต โรเจอร์สคาดว่าจะมีการออก QE3 ตามมาอีก หลังจากที่มีการออกไปสองครั้งแล้ว ซึ่งเขาคิดว่าจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินดอลลาร์กับเงินสกุลอื่นตกลง และทำให้เศรษฐกิจไม่ขยายตัว
ดังนั้นเมื่อมีแนวโน้มว่าตลาดจะมีเงินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และค่าเงินดอลลาร์จะตกลง ก็จะเป็นเหตุให้ผู้คนไม่อยากถือเงินดอลลาร์ และหันไปลงทุนและเก็งกำไรในทรัพย์สินอื่นๆ เช่น หุ้น ทองคำ เป็นต้น
สอง ในเวลาที่เศรษฐกิจแย่ ผมถือแต่..ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ เท่านั้น
ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปดูเหมือนว่า มันจะหนักหนากว่าฟากฝั่งอเมริกาเสียอีก และคงจะทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังมีทิศทางที่ไม่สดใสอยู่ จึงทำให้..โรเจอร์สถอยห่างหรือทำการขายล่วงหน้า (Shorting) หุ้นยุโรป หุ้นอเมริกาชั้นดีในหมวดเทคโนโลยี เช่น แอปเปิล กูเกิล เป็นต้น และหุ้นในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน และอินเดีย โดยเขากลับไปให้ความสนใจในทองคำ กลุ่มสินค้าการเกษตร และการเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เขายังมองว่า ในยามที่ตลาดมีความผันผวนสูง วิธีการป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือ การเปลี่ยนไปลงทุนทรัพย์สินที่มีตัวตน (Real Assets) เช่น ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น
สาม โรเจอร์ส..เชื่อว่าในอนาคต จะเกิดการขาดแคลน “เกษตรกร” จำนวนมาก
โรเจอร์สเชื่อว่าในอีก 20-30 ปีข้างหน้า จะเกิดปัญหาการขาดแคลนเกษตรกรจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ผลผลิตทางการเกษตรเกิดการขาดแคลนตามไปด้วย โดยสาเหตุอาจมาจากการที่คนหนุ่มสาวย้ายเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น เพราะได้เงินพอๆกัน..แต่ทำงานสบายกว่า และที่สำคัญคือได้มีโอกาสสังคมกับคนอื่นไปด้วย
เขายังเชื่อต่อไปว่า เมื่อไร..ที่ของขาด เมื่อนั้น..ราคาของก็จะต้องขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นการซื้อล่วงหน้า (Longing) ในหมวดสินค้าเกษตรจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ นอกจากนั้นหากผู้คนในชนบทมีรายได้ที่ดีขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น ก็จะทำให้แนวโน้มการซื้อขายทองคำสูงตามไปด้วย
สี่ ราคาทองคำขึ้นติดต่อกันมา 11 ปีแล้ว มันอาจถึงเวลาที่จะต้องตกลงมาบ้างแล้ว
ข้อนี้อาจเป็นข่าวดีของคุณผู้อ่านที่ยังอยากซื้อทองคำเพิ่ม โรเจอร์สได้ยกตัวอย่าง 2 ตัวอย่างในอดีตให้ฟังคือ ตัวอย่างที่หนึ่งคือ ราคาหุ้นในตลาดนิวยอร์คขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2526-2530 ราคาหุ้นขึ้นไม่ยอมลง..จนหลายคนคิดว่ามันจะไม่มีวันลงอีกแล้ว จนเกิดวิกฤตตลาดหุ้นในปี 2530 หุ้นก็ตกลงมาอย่างระเนระนาด แต่หลังจากวิกฤตแล้ว ราคาหุ้นก็ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องอีกจนถึงปี 2542 เป็นเวลาติดต่อกัน 12 ปีและให้ผลตอบแทนสูงถึง 725 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาดังกล่าว
อีกตัวอย่างหนึ่งที่เขายกมาให้เห็นก็คือ ราคาทองคำในปี 2514 เริ่มต้นที่ 35 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ และก็ขึ้นไปถึง 200 ดอลลาร์ในปีเดียวกัน แล้วมันก็ตกลงอย่างหนักในปี 2517 โดยราคาทองคำมาอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หลังจากนั้นอีก 6 ปี..มันก็ฮึดกลับขึ้นมาใหม่ ครั้งนี้ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปถึง 750 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โรเจอร์สคิดว่า ปัจจุบันนี้..ราคาทองคำได้พุ่งขึ้นมาติดต่อกัน 11 ปีแล้ว เขามองว่ามันน่าจะถึงเวลาที่จะต้องตกลงมาบ้างแล้ว โดยโรเจอร์สคาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่อาจจะหล่นลงมาถึง 1,200-1,300 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือพูดง่ายๆก็คือ ทองคำ 1 บาทอาจมีราคาต่ำกว่าสองหมื่นบาท (ข้อนี้ควรใช้วิจารณญาณ..ในการลงทุนด้วยนะครับ)
ทำให้นึกถึงคำพูดของโรเจอร์ส ที่ว่า “Bottoms in the investment world don’t end with four-year lows; they end with 10- or 15-year lows.” แปลตามความได้ว่า “อย่าหวังว่าราคาต่ำสุดที่อยากเข้าไปลงทุนจะมีให้เห็นใน 4 ปี เพราะว่าราคาต่ำสุดมันจะมีให้เห็นก็ต้องยาวนานถึง 10 หรือ 15 ปี” ดังนั้นถ้าคิดจะเป็นนักลงทุนตัวยงอย่าง จิม โรเจอร์ส ก็คงต้องฝึกวิชาความอดทนกันอย่างหนัก..นะครับ
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Sorry, comments for this entry are closed at this time.