5 กรกฎาคม 2555
2,623 views
วิกฤตหนี้ยุโรป อาจเป็น “วิกฤต…ที่เลวร้ายที่สุด” ตอนที่ 1
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
วิกฤตหนี้ยุโรป อาจเป็น “วิกฤต…ที่เลวร้ายที่สุด” ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
www.facebook.com/doctorweraphong
เวลานี้ คุณผู้อ่านหลายท่านคงทราบกันดีแล้วว่า ตอนนี้ประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่ได้ขอ “ความช่วยเหลือทางการเงิน” (Bailout) ไปแล้วมีอยู่ด้วยกัน 5 ประเทศแล้วคือ กรีซ ไอร์แลนด์ สเปน โปรตุเกส และไซปรัส จากประเทศในกลุ่มยูโรโซนทั้งหมด 17 ประเทศ แม้ว่าตอนนี้จะมีมาตรการช่วยเหลือประเทศต่างๆ โดยเฉพาะภาคการธนาคารและสถาบันการเงินของบรรดาประเทศที่มีปัญหาก็ตาม แต่ผมเองก็ยังมองว่า “ปัญหาหนี้สาธารณะ” ในกลุ่มยูโรโซนครั้งนี้ อาจเป็น “วิกฤต..ที่เลวร้ายที่สุด” ครั้งหนึ่งของโลก โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ
หนึ่ง ขนาดเศรษฐกิจของ “กลุ่มประเทศ” ที่ได้รับผลกระทบ
โดยส่วนใหญ่ เวลาเราพูดถึงขนาดเศรษฐกิจนั้น เรามักจะใช้ตัวเลข “ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ” หรือ GDP ของประเทศนั้นๆ ในที่นี้ผมจะขอยกตัวอย่าง 3 วิกฤตการณ์ขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบ วิกฤตการณ์ทั้ง 3 วิกฤตการณ์นี้ ประกอบไปด้วย
1) วิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย หรือที่เราเรียกว่า วิกฤตต้มยำกุ้ง (อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.doctorwe.com/variety/20120522/1247)
2) วิกฤตเศรษฐกิจซับไพรม์ หรือที่เราเรียกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.doctorwe.com/variety/20120521/1225)
3) วิกฤตหนี้สาธารณะของกลุ่มยูโรโซน
วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งนั้น น่าจะมีประเทศไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และอีกบางประเทศ ซึ่งในที่นี้ เราจะใช้ค่า GDP ในปัจจุบันเพื่อเปรียบเทียบขนาดเศรษฐกิจ ไทยมี GDP ประมาณ 0.33 ล้านล้านดอลลาร์ อินโดนีเซียมีประมาณ 0.82 ล้านล้านดอลลาร์ เกาหลีใต้ มี GDP ประมาณ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ และอีกบางประเทศ ดังนั้น วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง GDP ของ 3-5 ประเทศไม่น่าเกิน 3 ล้านล้านดอลลาร์
วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ประเทศที่ได้รับผลกระทบตรงๆนั้น มีเพียงประเทศเดียวคือ สหรัฐอเมริกา GDP ของอเมริกาในปัจจุบันนั้นมีขนาดประมาณ 15 ล้านล้านดอลลาร์ จึงนับได้ว่ามีขนาดใหญ่กว่า GDP ของทุกประเทศรวมกันที่ได้รับผลกระทบตอนวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” มาก
วิกฤตการณ์หนี้สาธารณะของกลุ่มยูโรโซน ประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือไปแล้วมี 5 ประเทศ แต่เนื่องจากกลุ่มยูโรโซนมีอยู่ 17 ประเทศ และใช้ “เงินยูโร” เหมือนกัน ดังนั้นขนาด GDP ของประเทศที่ได้รับผลกระทบ เราจึงควรคิดทั้ง 17 ประเทศ ซึ่งพบว่า ขนาด GDP หรือขนาดเศรษฐกิจของ 17 ประเทศมีค่าประมาณ 17 ล้านล้านดอลลาร์
วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง มีเพียง 3-5 ประเทศ ขนาด GDP รวมกันเพียง 3 ล้านล้านดอลลาร์
วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ มี อเมริกา ประเทศเดียว ขนาด GDP 15 ล้านล้านดอลลาร์
วิกฤตยูโรโซน มี 17 ประเทศ ขนาด GDP 17 ล้านล้านดอลลาร์
ดูจากตัวเลขง่ายๆ ก็พอจะรู้ว่า ถ้า “วิกฤตหนี้ยูโรโซน” สำแดงฤทธิ์เดชเต็มที่จริงๆ มันก็น่าจะรุนแรงกว่า “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” เมื่อ 4 ปีที่แล้วอย่างแน่นอน แต่ที่ยังไม่รู้ก็คือ ดีกรีความรุนแรงของมันจะ “หนักหนา” สักเพียงใด ?
สอง ขนาดจำนวนเงินที่เข้าไปช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์
ในปี 2540 ตอนที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งนั้น พบว่า ไอเอ็มเอฟ ได้เข้าไปช่วยเหลือโดยการให้เงินกู้แก่หลายประเทศหลายครั้งด้วยกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินที่ใช้ช่วยเหลือประมาณ 3-5 ประเทศนั้น รวมกันแล้ว ไม่น่าจะเกิน 0.1 ล้านล้านดอลลาร์
ปี 2551 ตอนเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกา รัฐบาลอเมริกานั้นสามารถพิมพ์เงินได้เอง จึงไม่ต้องพึ่งไอเอ็มเอฟ รัฐบาลอเมริกาก็ได้ออกมาตรการ “ช่วยเหลือครั้งยิ่งใหญ่” อันประกอบไปด้วยงบประมาณอุ้มภาคการเงิน 0.7 ล้านล้านดอลลาร์ มาตรการผ่อนปรนทางการเงิน ครั้งที่ 1 (QE1) 0.6 ล้านล้านดอลลาร์ และมาตรการป้องกันประชาชนแห่ถอนเงิน (Bank Run) โดยมีการขยายเพดานรับประกันเงินฝากอีกด้วย แต่ถ้าเอาเฉพาะมาตรการที่ใช้ตรงๆ ก็จะมีมูลค่า 0.6 + 0.7 = 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดคร่าวๆ ก็คือ รัฐบาลอเมริกาใช้จ่ายเงินเพื่อเข้าไปพยุง “เศรษฐกิจของตัวเอง” คิดเป็นมากกว่า 10 เท่าของ จำนวนเงินที่ใช้ในการพยุง “ประเทศในเอเชีย” ตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง
การช่วยเหลือที่เกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน อาจกล่าวได้ว่า เป็นการให้เงินช่วยเหลือที่สร้างความสับสนมากที่สุดครั้งหนึ่ง กลุ่มยูโรโซนมีการก่อตั้งกองทุนแล้ว 2 กองทุนคือ 1) กองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินยุโรป (EFSF) 2) กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) กองทุนแรก EFSF เป็นกองทุนชั่วคราว และได้ปล่อยกู้ให้กับ กรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ไปแล้ว ในขณะที่กองทุน ESM เป็นกองทุนถาวร ที่มีขนาดประมาณ 0.65 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเริ่มใช้เงินเข้าไปช่วยเหลือได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
นอกจากนั้นผู้นำยุโรป ยังวางแผนที่จะใส่เงินเข้าไปอีก 0.17 ล้านล้านดอลลาร์ รวมแล้วจนถึงขณะนี้ กลุ่มยูโรโซนเตรียมเงินไว้ช่วยแล้ว 0.82 ล้านล้านดอลลาร์
หากเปรียบเทียบกับเงินช่วยเหลือตอนเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์แล้ว เงินช่วยเหลือเพื่อจะ “ประคองเศรษฐกิจ” ของกลุ่มยูโรโซนยังมีค่าไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม เรากำลังพูดถึงจำนวนเงินที่ใช้แก้ปัญหาที่เป็นอยู่ในขณะนี้เท่านั้น ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปอาจกล่าวได้ว่า ยังอยู่ในภาวะเริ่มต้น เท่านั้น
เวลานี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในยุโรปเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น แสดงว่ามันยังไม่ถึง “จุดต่ำสุด” แสดงว่ามันยังต้อง “ใช้เงินเข้าไปช่วย” อีก และแสดงว่ามันยังต้อง “ทำให้หลายๆคนเหนื่อยใจ” ต่อไปอีก
เวลานี้ ผู้คนในยุโรป หลายคนอาจจะยังมี “ความสุข” อยู่ หลายคนเริ่มที่จะมี “ความทุกข์” แล้ว หลายคนอาจทน “ทรมาน” มานานแล้ว และหลายคนอาจไม่อยากจะ “มีชีวิตอยู่” ต่อไปแล้ว
วันนี้ เราเพิ่งเริ่มต้นคุยกันแค่ 2 เรื่องเท่านั้นเอง ซึ่งเราก็รู้ว่า “กลุ่มประเทศยูโรโซน” มีขนาดเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบสูงที่สุด ต้องมีขนาดของเงินช่วยเหลือซึ่งอาจจะมากที่สุด และ วิกฤตหนี้ยุโรปครั้งนี้ก็อาจจะเป็น “วิกฤต..เลวร้ายที่สุด” ครั้งหนึ่งของโลก
ตอนต่อไป เราจะคุยกันต่ออีก 2 ข้อที่เหลือนะครับ : )
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Sorry, comments for this entry are closed at this time.