doctorwe.com

 

คอลัมน์:  หุ้นส่วน ประเทศไทย

เมื่อ อเมริกา..กลับมาทวง “ความยิ่งใหญ่”

ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต

www.facebook.com/doctorweraphong

ขณะนี้ปัญหาหนี้สาธารณะยูโรโซนยังคงร้อนระอุอยู่ ทางฟากฝั่งสหรัฐอเมริกาเองก็เริ่มมีความพยายามที่จะถีบตัวเองออกจากโคลนตมแห่งเศรษฐกิจที่ซบเซา นิตยสาร The Economist ฉบับวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้ลงบทความที่มีชื่อว่า “The American Economy.. Comeback Kid” ซึ่งแปลตามความได้ว่า “เศรษฐกิจอเมริกัน เจ้าหนูจอมพลัง จะกลับมาแล้ว”

ปัจจุบันนี้นับได้ว่าเศรษฐกิจของอเมริกา  ยังคงอยู่ในภาวะซบเซาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพบว่าอัตราการว่างงานในอเมริกา  ยังอยู่ในระดับมากกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ และอัตราการเติบโตของ GDP ในครึ่งปีแรกของปี 2555 อาจจะไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยภายนอก ที่เข้ามาซ้ำเติมเศรษฐกิจของอเมริกาอีก ได้แก่ ปัญหาหนี้ในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งคาดว่าในปีนี้กลุ่มประเทศนี้ทั้งกลุ่มอาจเติบโตต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยพี่ใหญ่แห่งเอเชียคือ จีน ที่ปกติจะโตประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ก็คาดว่าจะโตไม่เกิน 8 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาได้มีความพยายามที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของตนให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

หนึ่ง ปัญหาเศรษฐกิจของอเมริกา เกิดจากอะไรบ้าง?

ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน พบว่า คนอเมริกันชอบเป็นหนี้มาก ในปี 2543 เป็นปีแรกที่ หนี้สินของครัวเรือนพุ่งขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ พอมาถึงปี 2550 พบว่า หนี้สินภาคครัวเรือนของอเมริกา มีหนี้สูงถึง 133 เปอร์เซ็นต์ แปลว่า  รายได้ต่อเดือนนั้น..ไม่พอจ่ายค่าหนี้และค่าดอกเบี้ย

นอกจากนั้นยังเกิดจากการพยายามซื้อบ้าน แต่ “ไม่มีปัญญาผ่อน” ซึ่งพบว่า คนที่ซื้อบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีที่มาของรายได้เป็นหลักแหล่ง คนกลุ่มนี้ถ้าอยากจะซื้อบ้านก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงๆ พอมาถึงปี 2551 เกิดวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ซ้ำเติมเข้าไปอีก ทำให้ สภาพคล่องของระบบการเงินหดหายไปอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้บรรดาบริษัทพากันปิดกิจการกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการปลดพนักงานกันเป็นทิวแถว ตามมาด้วย “มหกรรมการยึดบ้าน” ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นต้นมา

สอง อเมริกา  เริ่มยอมที่จะ “เจ็บเพื่อจบ”

ธนาคารซิตี้กรุ๊ป ธนาคารยักษ์ใหญ่ของอเมริกาได้ประกาศตัดหนี้สงสัยจะสูญมูลค่า 0.143 ล้านล้านดอลลาร์  ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ธนาคารในกลุ่มยูโรโซนกล้าตัดหนี้สูญเพียง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ แสดงว่าธนาคารในอเมริกายอม “เจ็บเพื่อจบ” แต่ธนาคารในกลุ่มยูโรโซนยังคง “เลี้ยงไข้” ต่อไป

ในภาคครัวเรือนนั้น จากอัตราหนี้สินครัวเรือนที่เคยสูงถึง 133 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ หลายครอบครัวก็กลับมาเผชิญชีวิตจริง หลายครอบครัวก็เริ่มต้นรัดเข็มขัดอย่างจริงจัง จนปัจจุบันพบว่าหนี้สินครัวเรือนของชาวอเมริกันลดลงมาเหลืออยู่ที่ 114 เปอร์เซ็นต์ของรายได้

สาม  การส่งออกที่สดใสขึ้นของ “พญาอินทรี”

ด้วยค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤตยูโรโซน ก็ทำให้การขาดดุลการค้าของอเมริกาลดลงจาก 6 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น จีนที่มีบทบาทในการส่งเสริมการค้าโลก ถูกโจมตีจากหลายประเทศว่า จีนยังคงบิดเบือนค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงกว่าความเป็นจริง และจีนยังคงใช้สินค้าราคาถูกเข้าไปโจมตีตลาดในหลายประเทศ ดังนั้นจึงทำให้จีนจำต้องเพิ่มการซื้อสินค้าจากต่างประเทศเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันพบว่าจีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอเมริกา และมีมูลค่าการส่งออกสูงขึ้นถึง 53 เปอร์เซ็นต์นับแต่ปี 2550

สี่  สินค้าส่งออกของอเมริกา เริ่ม..สำแดงฤทธิ์เดช

ในอดีตสินค้าที่สร้างมูลค่าสูงๆให้แก่อเมริกา ได้แก่ เครื่องบินโบอิ้ง ซอฟท์แวร์ของไมโครซอฟท์ และภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด ปัจจุบันสินค้าเหล่านี้ยังคงได้รับความนิยมอยู่  แต่มีสินค้าใหม่ๆที่ เพิ่มมาคือ การให้บริการด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม และด้านการเงิน ซึ่งการให้บริการทั้งสามสาขานี้ได้สร้างผลงานที่มีมูลค่าสูงได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการเงินได้สร้างเม็ดเงินให้ไหลเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก

แต่สินค้าใหม่ที่คาดว่าจะสร้างให้ “อเมริกา” กลับมายิ่งใหญ่ได้คือ สินค้าที่เรียกว่า “App Economy” ซึ่งรายใหญ่ๆที่เคยสร้างความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปทั่วโลกแล้ว ได้แก่  Apple,   Facebook,  Google  เป็นต้น สินค้าเหล่านี้ในแง่ของการจ้างงาน อาจทำให้ตัวเลขการจ้างงานไม่สูงมากนัก โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานจากบริษัทเหล่านี้ อยู่ประมาณ 300,000 ตำแหน่ง แต่ในแง่ของเม็ดเงินที่จะไหลเข้าอเมริกานั้น คาดว่าจะมีจำนวนมหาศาล

ห้า ประธานาธิบดีคนต่อไป  จะนำ “ความยิ่งใหญ่ของอเมริกา” กลับมาอย่างไร?

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาภายในปลายปีนี้ ยังคงไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่า  ใครจะเป็นผู้ชนะ? ระหว่าง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา  และคู่ท้าชิง นายมิตต์ รอมนีย์ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครมาก็ตาม? แนวทางที่น่าจะสร้างความแข็งแกร่งให้อเมริกา  น่าจะมีดังนี้

ข้อที่หนึ่ง  ขับเคลื่อนอเมริกา ภายใต้แผนการลดงบประมาณขาดดุลในระยะยาว ซึ่งนั่นจะต้องอาศัยนโยบายการขึ้นภาษี และการตัดค่าใช้จ่ายรายการที่ไม่สำคัญ

ข้อที่สอง  ลดนโยบาย “รัฐสวัสดิการ” สหรัฐอเมริกาได้ชื่อว่ามีระบบประกันสุขภาพที่แพงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หากไม่สามารถจัดการกับระบบดังกล่าว โดยการลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมีนัยแล้ว การที่จะให้พญาอินทรีกลับมาทวง “ความยิ่งใหญ่” คืนนั้น ก็คงจะเป็นเพียง “ความฝัน” ที่หลอกชาวอเมริกันให้ผ่านไปวันๆ เท่านั้น

เมื่อนึกถึงความยิ่งใหญ่ของอเมริกาแล้ว ทำให้นึกถึงคำพูดของ Rick Perry นักการเมืองชาวอเมริกันที่พูดไว้ว่า “America’s greatness is not found in the size of its government. America’s greatness resides in the hearts and the minds of the people.”  แปลตามความได้ว่า “ความยิ่งใหญ่ของอเมริกาไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาลของอเมริกา แต่ความยิ่งใหญ่ของอเมริกามันอยู่ที่หัวใจและจิตใจของคนอเมริกันต่างหาก” ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งได้ คนอเมริกันเท่านั้น..ที่จะเป็นผู้นำความยิ่งใหญ่นั้นกลับมา

 

 

ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์