doctorwe.com

Dr.Weraphong Chutipat   A Columnist

Fanpage 828_315
  • ล่าสุด
  • บทความ
  • แจกฟรี
  • การอบรม
  • ชม+ฟัง
  • ผู้เขียน


  • A A A
    • พ.ศ. :
    • 2563
    • 2562
    • 2561
    • 2560
    • 2559
    • 2558
    • 2557
    • 2556
    • 2555
    • 2554
      เดือน :
    • ม.ค.
    • ก.พ.
    • มี.ค.
    • เม.ย.
    • พ.ค.
    • มิ.ย.
    • ก.ค.
    • ส.ค.
    • ก.ย.
    • ต.ค.
    • พ.ย.
    • ธ.ค.

    12 มีนาคม 2556

    10,591 views

    ฝรั่ง..กลัว แต่คนไทย..ไม่กลัว

    พิมพ์หน้านี้

     

     

     

    คอลัมน์:  หุ้นส่วน ประเทศไทย

    ฝรั่ง..กลัว  แต่คนไทย..ไม่กลัว

    ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

    วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต

    www.facebook.com/doctorweraphong

    ผมได้อ่านบทความหนึ่งที่มีชื่อว่า “Thai Bulls Beat Bears Selling Most in Asia as Stocks Rally” ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ที่ได้พูดถึงความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งน่าจะมีประโยชน์โดยเฉพาะต่อคุณผู้อ่านที่เป็นนักลงทุน จึงขออนุญาตนำมาถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านได้อ่านกัน โดยนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่ายๆดังนี้ครับ

    หนึ่ง  ปี 2540 คนไทย..ยังต้องพึ่งฝรั่งอยู่

    ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 พบว่า ก่อนหน้าวิกฤต 12 เดือน นักลงทุนต่างชาติได้ถอนเงินลงทุนออกจากตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยสูงถึง 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของจำนวนเงินลงทุนที่นักลงทุนต่างชาตินำเข้ามา ในช่วงเดียวกันพบว่า ต่างชาติได้ถอนเงินลงทุนออกจากทั้งภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ออกไปเพียง 16% เท่านั้น การที่นักลงทุนนำเงินลงทุนออกอย่างหนักหน่วงจากประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ก็ทำให้สภาพคล่องแทบจะเหือดหายไปจากเศรษฐกิจของประเทศไทยเลย จนนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจในที่สุด

    จากตัวเลขข้างต้น คุณผู้อ่านก็คงพอจะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2540 นั้น ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติเป็นอย่างมาก พอนักลงทุนเหล่านี้แห่กันถอนเงินลงทุนออกไป ก็ทำให้เศรษฐกิจของไทยแทบจะหยุดชะงักงันไปเลยทีเดียว

    สอง  เมื่อคนไทย..เริ่มเสียงดังขึ้น

    จากตัวเลขที่เปิดเผยโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กพบว่า เมื่อห้าปีก่อน นักลงทุนประเภทสถาบันภายในประเทศและนักลงทุนรายย่อยมีปริมาณเงินลงทุนคิดเป็น 61% ของปริมาณเงินลงทุนทั้งหมด แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าปริมาณเงินดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นเป็น 73% ของปริมาณเงินทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการลงทุนของคนไทยในประเทศ..ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนั้น จำนวนเงินของการซื้อขายหุ้นโดยเฉลี่ยต่อวันในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัวโดยเพิ่มขึ้นไปถึง 135% ของช่วงเวลาเดียวกันหนึ่งปีก่อนหน้านั้น หากเรามองกันง่ายๆ ตัวเลขทั้งสองตัวกำลังบอกเราว่า คนไทย..มีเงินมากขึ้น คนไทย..กล้าลงทุนมากขึ้น และ คนไทย..ก็พึ่งพาต่างชาติน้อยลง

    สาม  ฝรั่ง..กลัว แต่คนไทย..ไม่กลัว

    ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพบว่า บรรดากองทุนต่างๆจากต่างประเทศอาจมีความรู้สึกว่า ราคาหุ้นในเมืองไทยเริ่มแพงไปแล้ว จึงได้ทยอยเทขายออกมาสูงถึงเกือบ 18,000 ล้านบาท จนประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมาสูงที่สุดในบรรดา 10 ตลาดหุ้นในเอเชีย นอกจากนั้นยังทำให้มีเงินไหลออกสุทธิต่อเดือนจากประเทศไทยทะลุสูงกว่า 15,000 ล้านบาทต่อเดือนอีกด้วย

    แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ  ในช่วงเวลาเดียวกันกลับพบว่า มีแรงซื้อจากนักลงทุนภายในประเทศทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเข้ามาสูงกว่า 18,000 ล้านบาท จนทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET เพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 4.6%  แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่เปลี่ยนไปของคนไทยที่มีต่อตลาดหุ้น ในอดีตนักลงทุนหลายๆคนอาจเคยมีความคิดว่า “ให้ซื้อ..ตอนที่ฝรั่งซื้อ ให้ขาย..ตอนที่ฝรั่งขาย” แต่ดูเหมือนว่าความคิดนี้จะใช้ไม่ได้กับ..คนไทยอีกต่อไปแล้ว

    สี่  สถาบันต่างชาติต่างก็ “สับสน” ต่อแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย

    บริษัทวาณิชธนกิจระดับโลกอย่าง มอร์แกน สแตนเลย์ ได้แนะนำให้ลูกค้าย้ายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นไทย เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดเมืองไทยแพงเกินไปแล้ว ในขณะเดียวกัน สถาบันการเงินระดับโลกอีกหลายแห่ง เช่น อเบอร์ดีน แอสเซ็ท แมนเนจเมนท์ หรือ ไอเอ็นจี อินเวสต์เมนท์ แมนเนจเมนท์ กลับยังคงเชียร์ลูกค้าให้ลงทุนต่อในตลาดหุ้นเมืองไทย และยังประมาณการต่อไปด้วยว่า อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากตลาดหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า น่าจะสูงถึง 22% ทีเดียว

    มุมมองของอเบอร์ดีนที่มีต่อตลาดหุ้นไทยอาจนับได้ว่าดีมาก โดยมองว่าอนาคตของเศรษฐกิจไทยและความสามารถในการหารายได้ของบริษัทในตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งมาก ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาได้อีก

    ห้า  อนาคตของเศรษฐกิจไทย..ในระยะยาว

    หากจะมองอนาคตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวแล้ว น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการด้วยกันคือ ข้อแรก..การใช้จ่ายงบประมาณสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และอีกข้อหนึ่ง..ความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติ

    ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนและสินค้าจำนวนเงินสูงถึง 2 ล้านล้านบาทไปแล้ว แต่เม็ดเงินดังกล่าวยังแค่เพิ่งจะเริ่มต้นใช้เอง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เงินจำนวนมหาศาลจะเริ่มไหลเข้ามาสู่ระบบอย่างเต็มสูบ และเมื่อนั้น..เงินจำนวนนี้ก็จะไหลสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอย่างแน่นอน

    นอกจากนั้น ในปีที่ผ่านมาก็มีเม็ดเงินจากการลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากค่ายรถยนต์ใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน เป็นต้น ต่างก็อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตแทบทั้งสิ้น โดยมีเงินลงทุนรวมกันมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น และได้ทำสถิติใหม่สำหรับเงินลงทุนที่นำเข้ามาในประเทศไทยที่ 1.46 ล้านล้านบาท

    จากนี้ไป..จึงดูเหมือนว่า เมื่อใดก็ตามที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก เมื่อนั้นนักลงทุนชาวไทยก็พร้อมที่จะเข้าไปรับ “ซื้อหุ้น..ในราคาถูก” แทบจะทันที

    ปัญหาจึงอยู่แต่เพียงว่า..เหตุการณ์เช่นนี้จะอยู่อย่างยั่งยืนจีรังต่อไปได้อีกนานเท่าใด ?

     

     

     

     

    พิมพ์หน้านี้

    ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

    10,591 views  Comments

    Posted Under โพสต์ทูเดย์

    No Comments Yet

    You can be the first to comment!

    Leave a comment

    * = Required

    CAPTCHA Image
    Refresh Image
    *

      • 10 อันดับ
      • Facebook
      • Twitter

      บทความที่โพสต์ขึ้นเฟสบุ๊ค เมื่อคืนนี้เอาขึ้นเว็บแล้วนะครับสนใจคลิกที่... http://t.co/ylMslUNy

      follow me on
      twitter

    •  
    • Subscribe Email


       

    • Polls Sorry, there are no polls available at the moment.
    • Tag Cloud
      CSR GDP IMF กรีซ การลงทุน ครัวโลก ความรู้นักลงทุน ความเป็นอิสระทางการเิงิน คอร์รัปชัน ค่าแรง ตาน ฉ่วย ทองคำ ธนินทร์ เจียรวนนท์ น้ำท่วม 2554 บัตรเครดิต ประชาธิปไตย พม่า พื้นที่ทับซ้อน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยุโรป วิกฤตซับไพรม์ วิธีบริหารกองทุน วีรพงษ์ ชุติภัทร์ สหรัฐอเมริกา หนองหว้า หนี้สาธารณะ หมู่บ้านเกษตรกรรม หมู่เกาะสแปรตลีย์ หุ้น หุ้นแอปเปิ้ล หุ้นโกดัก อาเซียน อิสรภาพทางการเงิน อเมริกา เจริญโภคภัณฑ์ เจริญโภคภัณฑ์อาหาร เผด็จการ เล่นหุ้น เศรษฐกิจไทย แมคอินทอช แอปเปิ้ล โกดัก โซเวียต ไอเอ็มเอฟ ไอแพด 2
    • สถิติบล็อก
      • 2485037เข้ามาอ่านทั้งหมด:

    This site is using the Handgloves WordPress Theme
    Designed & Developed by George Wiscombe

    Subscribe via RSS