15 พฤษภาคม 2556
1,769 views
3G เมกะเทรนด์..ที่นักลงทุนพลาดไม่ได้
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
ธุรกิจ 3G เมกะเทรนด์..ที่นักลงทุนพลาดไม่ได้
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
www.facebook.com/doctorweraphong
ในเดือนนี้ ธุรกิจ 3G ของ 3 ค่ายยักษ์ใหญ่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะเป็น AIS, DTAC หรือ TrueMove จะทำการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ความยิ่งใหญ่ครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็น “การปฏิวัติรูปแบบการทำธุรกิจออนไลน์ครั้งยิ่งใหญ่” อีกครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการธุรกิจของเมืองไทยเลยก็ว่าได้
ผมเองคิดว่า การทำกำไรในอนาคตของธุรกิจ 3G ของผู้ให้บริการหลักทั้ง 3 รายจะอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งแน่นอนว่าก็จะทำให้ผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยพลอยได้รับผลประโยชน์ที่ดีมากตามไปด้วย จึงนับได้ว่าเป็น “เมกะเทรนด์..ที่นักลงทุนพลาดไม่ได้” โดยผมมีเหตุผลสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวดังนี้ครับ
หนึ่ง ธุรกิจ 3G เป็นธุรกิจ “กึ่งผูกขาด”
ปี 2555 อาจสามารถกล่าวได้ว่าเป็น “ปีทอง” ปีหนึ่งของธุรกิจการให้บริการของโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะบรรดาบริษัทที่เป็นเจ้าของระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ทั้ง 3 รายของประเทศ นั่นคือ AIS DTAC และ TrueMove ซึ่งพบว่าผู้ให้บริการหลักทั้ง 3 รายมีส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวมคิดเป็นสัดส่วนราว 97% ของตลาดการให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้งประเทศ จึงอาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในเมืองไทยเป็นธุรกิจที่กึ่งผูกขาด
ดังนั้นจึงพอคาดการณ์ได้ว่า… ในอนาคตก็จะมีผู้เล่น 3G บนคลื่นความถี่ 2.1GHz เพียง 4 รายเท่านั้นนั่นคือ AIS, DTAC, TrueMove และ TOT (ที่มีคลื่นนี้อยู่นานแล้ว) ในเมืองไทยธุรกิจ 3G จึงกลายเป็น…ธุรกิจ “กึ่งผูกขาด” ไปโดยปริยาย
สอง การทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน..เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
ในปี 2553 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือที่เรียกว่า Mobile Banking ซึ่งพบว่า ไตรมาสแรกของปี 2553 ไทยเรามีบัญชี Mobile Banking เพียง 3.83 แสนบัญชี มีมูลค่าธุรกรรม 2.3 หมื่นล้านบาท แต่ผลการสำรวจในไตรมาส 2 ปี 2555 กลับพบว่า ประเทศไทยเรามีจำนวนบัญชีถึง 7.65 แสนบัญชี เพิ่มขึ้นถึงราว 2 เท่าตัว และมีมูลค่าธุรกรรม 9.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3 เท่าตัว
การขยายตัวของการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถืออย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ หากพิจารณาไปถึงมูลค่าธุรกรรมทางการเงินรวมของทั้งปี 2555 โดยให้ถือว่าอัตราการขยายตัวของครึ่งปีหลังเป็นศูนย์ ก็จะพบว่ามีมูลค่ารวมทั้งปี 2555 อยู่ที่ประมาณ 3.6 แสนล้านบาท ซึ่งหากยังมีการขยายตัวเช่นนี้ต่อไป อาจกล่าวได้ว่า ในอนาคตธุรกรรมการเงินส่วนใหญ่จะมาจาก Mobile Banking และเมื่อถึงเวลานั้นบรรดาผู้คนส่วนใหญ่ก็คงจะต้องมีโทรศัพท์มือถือ 3G กันเกือบถ้วนหน้า..เพื่อรองรับบรรดาธุรกรรมดังกล่าว
สาม การซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ
เขมานันท์ บุญเดชานันทน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านเว็บบิสซิเนส บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ weloveshopping พบว่า การเกิดขึ้นของบริการโทรศัพท์มือถือ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1GHz จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อผ่านอุปกรณ์มือถือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเลต หรืออื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป แค่เพียงใช้อุปกรณ์พกพาเหล่านี้ก็สามารถทำธุรกรรมได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ การซื้อขายสินค้าออนไลน์ก็จะมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธุรกรรมส่วนใหญ่ก็คงจะต้องเกิดขึ้นจากโทรศัพท์มือถือระบบ 3G นั่นเอง
สี่ เมื่อธุรกิจค้าปลีก.. ใช้ 3G เป็นอาวุธ
ปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้าน “เซเว่นอีเลฟเว่น” ได้กล่าวไว้ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซรองรับการสั่งซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต ถือเป็นธุรกิจใหม่มาต่อยอดเซเว่นแค็ตตาล็อก และร้านเซเว่นฯที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยลูกค้าชำระเงินและรับสินค้าที่ร้านเซเว่นฯ หรือจะรับสินค้าที่บ้านก็ได้ ซึ่งที่ผ่านมาเซเว่นฯในญี่ปุ่น และไต้หวัน ก็มีบริการลักษณะนี้มาแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าจะตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ๆที่ผูกอยู่กับการสื่อสาร โดยที่เทคโนโลยี 3G จะเป็นตัวเร่งให้ผู้บริโภคก้าวไปสู่ทิศทางดังกล่าว
นอกจากนั้นเวลานี้อีคอมเมิร์ซยังกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก อาทิ จีน มียอดขายผ่านช่องทางนี้ 5-10% ยุโรปและสหรัฐมีสัดส่วน 30-50% เมื่อเทคโนโลยีมาทางนี้ เซเว่นฯจึงต้องปรับตัวให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ และเตรียมความพร้อมรองรับกระแสอีคอมเมิร์ซที่จะบูมขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า”
ห้า MVNO อีกกลยุทธ์หนึ่งของ.. ธุรกิจ 3G
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ให้เห็นถึงเงื่อนไขหนึ่งของผู้ได้รับใบอนุญาต 3G นั่นคือ ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องกันความจุโครงข่ายไว้ 10% โดยให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเองหรือ MVNO (Mobile Virtual Network Operator) สามารถเช่าใช้ได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่มีเงินทุนมากพอที่จะวางโครงข่ายโทรคมนาคม แต่มีไอเดียในการประยุกต์ใช้ความจุโครงข่ายสำหรับเปิดธุรกิจบริการทางด้านต่างๆ เช่น ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชา เป็นต้น
โดยผู้ประกอบการ MVNO สามารถทำการตลาดและมีระบบบิลลิ่งเป็นของตนเองได้ ประกอบกับสามารถควบคุมคุณภาพการให้บริการได้ เนื่องจากได้มีการเช่าใช้ความจุโครงข่ายเพื่อเปิดให้บริการเป็นของตนเอง เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจวางโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมราว 125,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี ดูเหมือนว่า..เกือบทุกธุรกิจในอนาคตจะวิ่งเข้าไปหาระบบเครือข่าย 3G ฤา… อนาคตธุรกิจ 3G จะมีแต่ทางเดินที่โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบแทบทั้งสิ้น
ทำให้นึกถึงคำพูดของอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและภริยาของอดีตประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ที่ชื่อ อีเลนอร์ รูสเวลต์ (Eleanor Roosevelt) ที่พูดถึงอนาคตไว้ว่า “ The future belongs to those who believe in the beauty of their dreams.” แปลตามความได้ว่า “อนาคตจะอยู่กับคนที่..ศรัทธาในความงดงามของความฝัน”
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Leave a comment