doctorwe.com

Dr.Weraphong Chutipat   A Columnist

Fanpage 828_315
  • ล่าสุด
  • บทความ
  • แจกฟรี
  • การอบรม
  • ชม+ฟัง
  • ผู้เขียน


  • A A A
    • พ.ศ. :
    • 2563
    • 2562
    • 2561
    • 2560
    • 2559
    • 2558
    • 2557
    • 2556
    • 2555
    • 2554
      เดือน :
    • ม.ค.
    • ก.พ.
    • มี.ค.
    • เม.ย.
    • พ.ค.
    • มิ.ย.
    • ก.ค.
    • ส.ค.
    • ก.ย.
    • ต.ค.
    • พ.ย.
    • ธ.ค.

    9 มกราคม 2557

    1,055 views

    วิกฤต..การเมืองไทย โอกาส..ตลาดหุ้นไทย ตอนที่ 1

    พิมพ์หน้านี้

     

     

     

     

     

    คอลัมน์:  หุ้นส่วน ประเทศไทย

    วิกฤต..การเมืองไทย  โอกาส..ตลาดหุ้นไทย  ตอนที่ 1

    ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

    วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต

    www.facebook.com/DoctorweClub

     

    ผมคิดว่า ในเวลานี้คุณผู้อ่านหลายต่อหลายคนคงมีความรู้สึกที่คล้ายๆกับผมว่า ภายใต้วิกฤตการเมืองไทยที่สับสนวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ คงไม่ค่อยจะมีใครอยากจะลงทุนในตลาดหุ้นซักเท่าไร ตัวผมเองก็แทบจะไม่ได้ลงทุนเช่นเดียวกับคุณผู้อ่าน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผมยังต้องเขียนบทความที่เกี่ยวกับการลงทุนอยู่ ผมจึงหยุดที่จะค้นคว้าหาข้อมูลมาเขียนบทความไม่ได้ ผมจึงเริ่มศึกษาแนวทางการลงทุนในช่วงวิกฤต โดยเปรียบเทียบกับช่วงวิกฤตที่ผ่านๆมา

    หลังจากที่ได้ศึกษาแล้ว ก็ทำให้ผมต้องรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลที่ผมพบ ซึ่งผมได้รวบรวมและทำสรุปออกมา และอยากให้คุณผู้อ่านที่เป็นและไม่เป็นนักลงทุนได้อ่านกันซักหน่อย บทความนี้จะเป็นบทความที่ชี้ให้เห็นถึง “โอกาส” ในตลาดหุ้นไทย…ในยามวิกฤตการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ

     

    หนึ่ง  ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะฟื้นกลับมาระดับเดิม ส่วนใหญ่มักจะกินเวลาไม่ถึงปี

    ก่อนอื่นผมอยากพาคุณผู้อ่านกลับไปดูเหตุการณ์ทางการเมืองในบ้านเราที่เข้าขั้นวิกฤตหลายต่อหลายครั้งเสียก่อน เริ่มจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 2535  เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคมของปีนั้น ก่อนหน้าเหตุการณ์พบว่า ดัชนีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2535 อยู่ที่ 832.39 จุด พอถึงวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งอยู่ในช่วงพฤษภาทมิฬ ดัชนีก็ตกลงมาเหลือเพียง 667.84 จุด คิดเป็นลดลงเกือบ 20%  พอมาถึงวันที่ 18 กันยายนในปีเดียวกัน ดัชนีก็ทะยานขึ้นกลับมาบริเวณเดิมที่ 835.45 จุด ซึ่งคิดเป็นเวลาทั้งหมดเพียง 5 เดือน ดัชนีก็กลับมายืนในบริเวณจุดเดิมได้ นอกจากนั้นช่วงสิ้นปีดัชนียังทะยานขึ้นต่อไปอีก โดยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 ดัชนีพุ่งไปถึง 963.03 จุด

     

    เหตุการณ์สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เหตุการณ์โรงแรมรอยัลคลิฟ และเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย  ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกันและเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ต่อเนื่องที่กินระยะเวลายาวนานที่สุด เริ่มต้นเราไปดูดัชนีก่อนเกิดวิกฤตซึ่งพบว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2551 ดัชนีอยู่ที่ 709.35 จุด  พอเหตุการณ์สนามบินเกิดขึ้น ดัชนีก็ร่วงลงอย่างรุนแรงลงมาเรื่อยๆจนวันที่ 24 พฤศจิกายนของปีนั้น ดัชนีมาอยู่ที่ 386.12 จุด หรือคิดเป็นลดลงเกือบ 46%  หลังจากเหตุการณ์ที่สนามบิน ดัชนีก็เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง โดยวันที่ 5 มกราคม 2552 ดัชนีไปปิดที่ 478.69 จุด  แต่สถานการณ์ทางการเมืองก็ยังไม่ดีขึ้น จนถึงวันที่ 11 เมษายน 2552 ก็มีเหตุการณ์ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ และตามมาด้วยเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยในวันรุ่งขึ้น เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มคลี่คลายลงในวันจันทร์ที่ 13 เมษายนของปีนั้น เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ตลาดหุ้นจึงปิดทำการตลอด และเริ่มมาเปิดในวันที่ 16 เมษายน โดยตลาดมาปิดที่ 452.97 จุด  หลังจากนั้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ จึงทำให้ดัชนีค่อยๆทะยานขึ้นโดยตลอด และพอมาถึงวันที่ 11 กันยายน 2552 ดัชนีก็มาปิดที่ 707.81 จุด ซึ่งเป็นระดับพอๆกับก่อนเกิดวิกฤต โดยกินระยะเวลาทั้งสิ้นยาวนานถึง 13 เดือน และดัชนีตลาดหุ้นผันผวนขึ้นลงสูงถึง 46%

     

    เหตุการณ์ที่ราชประสงค์ เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13-19 พฤษภาคม 2553  เหตุการณ์ครั้งนี้นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมากและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นบ้านเราตกลงไปมากนัก ซึ่งอาจมีเหตุผลหลักมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้นหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2551  โดยตลาดหุ้นไทยก่อนเกิดความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ดัชนีตลาดปิดที่ 812.63 จุด หลังจากนั้นดัชนีก็เริ่มลดน้อยถอยลงและมาถึงจุดต่ำที่สุดในช่วงนี้ที่ 721.29 จุด เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ของปีนั้น หลังเหตุการณ์ความรุนแรงผ่านไปแล้วเพียงสัปดาห์เดียว หรือคิดเป็นลดลงประมาณ 11%  พอมาถึงวันที่ 6 กรกฎาคม ดัชนีก็ดีดกลับมาอยู่ในระดับก่อนวิกฤตโดยปิดที่ 815.52 จุด ซึ่งกินเวลาเพียง 3 เดือน ดัชนีตลาดหุ้นก็ดีดตัวกลับมาอยู่ที่เดิม

     

    หลังจากนั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและมาปิดที่จุดสูงสุดของปี 2553 ที่ 1,049.79 จุด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553  คิดเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 46% จากระดับดัชนีในช่วงวิกฤตของปีนั้น โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ที่ราชประสงค์นี้มีผลทางลบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย..ในระดับที่น้อยมาก

    คุณผู้อ่านคงพอเห็นภาพบ้างแล้วนะครับว่า วิกฤตการเมืองในเมืองไทย เท่าที่ผ่านมามักจะกินเวลาถึงปี ดังนั้นหากข้อมูลในอดีตยังพอใช้ได้ วิกฤตการเมืองในครั้งนี้..ผมก็ขอให้จบลงในเร็ววันเหมือนเหตุการณ์วิกฤตในอดีต  บทความเรื่อง “วิกฤต..การเมืองไทย  โอกาส..ตลาดหุ้นไทย” มีอยู่ด้วยกัน 2 ตอน ในตอนจบผมจะพาคุณผู้อ่านไปดูเรื่องของความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย และโอกาสในการทำกำไรในหุ้นบางกลุ่ม พบกับตอนจบได้ในโพสต์ทูเดย์เร็วๆนี้นะครับ   : )

    พิมพ์หน้านี้

    ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

    1,055 views  Comments

    Posted Under โพสต์ทูเดย์

    No Comments Yet

    You can be the first to comment!

    Leave a comment

    * = Required

    CAPTCHA Image
    Refresh Image
    *

      • 10 อันดับ
      • Facebook
      • Twitter

      บทความที่โพสต์ขึ้นเฟสบุ๊ค เมื่อคืนนี้เอาขึ้นเว็บแล้วนะครับสนใจคลิกที่... http://t.co/ylMslUNy

      follow me on
      twitter

    •  
    • Subscribe Email


       

    • Polls Sorry, there are no polls available at the moment.
    • Tag Cloud
      CSR GDP IMF กรีซ การลงทุน ครัวโลก ความรู้นักลงทุน ความเป็นอิสระทางการเิงิน คอร์รัปชัน ค่าแรง ตาน ฉ่วย ทองคำ ธนินทร์ เจียรวนนท์ น้ำท่วม 2554 บัตรเครดิต ประชาธิปไตย พม่า พื้นที่ทับซ้อน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยุโรป วิกฤตซับไพรม์ วิธีบริหารกองทุน วีรพงษ์ ชุติภัทร์ สหรัฐอเมริกา หนองหว้า หนี้สาธารณะ หมู่บ้านเกษตรกรรม หมู่เกาะสแปรตลีย์ หุ้น หุ้นแอปเปิ้ล หุ้นโกดัก อาเซียน อิสรภาพทางการเงิน อเมริกา เจริญโภคภัณฑ์ เจริญโภคภัณฑ์อาหาร เผด็จการ เล่นหุ้น เศรษฐกิจไทย แมคอินทอช แอปเปิ้ล โกดัก โซเวียต ไอเอ็มเอฟ ไอแพด 2
    • สถิติบล็อก
      • 2485033เข้ามาอ่านทั้งหมด:

    This site is using the Handgloves WordPress Theme
    Designed & Developed by George Wiscombe

    Subscribe via RSS