4 มีนาคม 2557
3,037 views
5 เหตุผล… “เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง” ตอนที่ 1
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
5 เหตุผล… “เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง” ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
www.facebook.com/DoctorweClub
หลังจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ได้ทำให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย ก็ได้ส่งผลทำให้คนไทยจำนวนมากคิดว่า เศรษฐกิจไทยกำลังจะแย่แล้ว แต่ผมเองไม่ได้คิดเช่นนั้น ผมจึงได้พยายามหาข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่งอยู่ แม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2557 นี้จะไม่ดีนักก็ตาม โดยมีเหตุผลสนับสนุนเรื่องดังกล่าวอยู่ 5 ประการด้วยกัน ดังนี้ครับ
หนึ่ง เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยอยู่ในระดับที่ดีมาก
ในช่วงปี 2540 ประเทศไทยประสบกับวิกฤตต้มยำกุ้งจนทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (Foreign Exchange Reserves) ของประเทศไทยลดต่ำลงเหลือเพียงประมาณหมื่นกว่าล้านดอลลาร์เท่านั้น เงินทุนสำรองระหว่างประเทศนี้ก็เปรียบเสมือนเป็นเงินออมของประเทศไทย ที่จะแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีเงินเพียงพอที่พร้อมจะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆที่เกิดขึ้นได้หรือไม่? ดังนั้น หากจะพิจารณาถึงความมั่นคงทางฐานะการเงินของแต่ละประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องไปพิจารณาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งผมจะพาคุณผู้อ่านไปดูเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยเปรียบเทียบกับประเทศที่สำคัญๆ
จากตารางข้างต้น เราจะเห็นว่า ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองสูงถึง 167,233 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นลำดับที่ 15 ของโลก เรามีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงกว่าประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา และมีเงินทุนสำรองมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า เงินออมที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีมากมายเพียงพอที่จะประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ฝ่าฟันวิกฤตต่างๆได้อย่างมีเสถียรภาพ
สอง หนี้สาธารณะของประเทศไทย…อยู่ในระดับที่ต่ำมาก
ในการวัดว่าประเทศมีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงหรือต่ำนั้น โดยทั่วไปนักเศรษฐศาสตร์มักจะวัดจาก ปริมาณหนี้สาธารณะ (Public Debt) หารด้วย..มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (Gross Domestic Product – GDP) และดูว่ามีอัตราส่วนที่สูงหรือไม่? นอกจากนั้นยังต้องดูว่า หนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้สินภายในประเทศ หรือเป็นหนี้สินต่างประเทศ หากอัตราส่วนดังกล่าวสูงมาก และหนี้สินส่วนใหญ่ก็เป็นหนี้สินต่างประเทศ ถ้าเป็นเช่นนั้น..ก็ย่อมส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆอย่างร้ายแรง ผมจึงอยากพาคุณผู้อ่านมาดูหนี้สาธารณะของประเทศไทยเทียบกับประเทศอื่นซักหน่อยครับ
จากตารางข้างต้น จะเห็นว่า ประเทศญี่ปุ่นมีระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงที่สุดในโลก โดยอยู่ในระดับที่สูงกว่า 200% ขณะที่ประเทศกรีซมีระดับหนี้ดังกล่าวอยู่ในระดับที่ 2 คือประมาณ 160% คำถามจึงเกิดขึ้นว่า เศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นน่าจะดีกว่าประเทศกรีซ แต่เป็นไปได้หรือที่..ญี่ปุ่นจะมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงกว่าประเทศกรีซ ซึ่งกรีซในปัจจุบันน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจหนักหนาที่สุดในโลก
คำตอบก็คือ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ใช้หนี้สินภายในประเทศหรือการกู้ยืมเงินภายในประเทศเอง จึงทำให้ญี่ปุ่นและสิงคโปร์มีปัญหาไม่มากนัก ขณะที่กรีซจะกู้หนี้ยืมสินจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด ดังนั้น หากกรีซมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอยู่แล้ว และเจ้าหนี้ในต่างประเทศก็เรียกเงินกู้ของตนคืนจากรัฐบาลและภาคเอกชนของกรีซ กรีซก็อาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
สหรัฐอเมริกา เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีปัญหาหนี้สาธารณะอย่างหนัก จนสภาคองเกรสของอเมริกามักจะแสดงความไม่เห็นด้วย เมื่อรัฐบาลอเมริกาต้องการจะกู้หนี้สาธารณะเพิ่ม นั่นเป็นเพราะ รัฐบาลสหรัฐอเมริกากู้เงินจำนวนมหาศาลจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีน ในทางกลับกัน ประเทศจีนมีหนี้สาธารณะน้อยมาก และยังมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงที่สุดในโลก จีนจึงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีฐานะการเงินการคลังที่เข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับเงินสำรองระหว่างประเทศของไทยอยู่ในระดับ ที่สูง ก็ทำให้ฐานะการเงินการคลังของประเทศไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ หากผู้บริหารประเทศยังยึดแนวทางการบริหารการเงินการคลังในลักษณะที่ระมัดระวังต่อไป เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยก็น่าจะยั่งยืนต่อไปได้ในระยะยาว
วันนี้ เราได้คุยกันไปแล้วในหัวข้อ “5 เหตุผล… เศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง” ไปแล้ว 2 ประการ พรุ่งนี้..ผมจะคุยให้คุณผู้อ่านได้อ่านส่วนที่เหลืออีก 3 ประการ พบกันใหม่วันพรุ่งนี้นะครับ : )
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Leave a comment