10 มกราคม 2560
519 views
“ทรัมป์”… 5 เรื่องหนักๆ ที่คนไทยควรรู้ ตอนที่ 1
คอลัมน์: หุ้นส่วนประเทศไทย
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่
“ทรัมป์”… 5 เรื่องหนักๆ ที่คนไทยควรรู้ ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
Add Line: @CsiSociety
คุณผู้อ่านบางท่านคงพอจำได้ว่า ผมได้เขียนบทความเรื่อง “5 ความเสี่ยงหางอ้วน” ต้นเหตุ…หุ้นตกหนัก ไปเมื่อวันที่ 27-28 กันยายนที่ผ่านมา โดยที่ 5 ความเสี่ยงดังกล่าว ประกอบด้วย อันดับที่ 5 ปัญหาการก่อการร้าย อันดับที่ 4 Brexit & The Next Country อันดับที่ 3 เฟด…ขึ้นดอกเบี้ย อันดับที่ 2 หนี้ก้อนโตใต้พรมของจีน…รอเวลาระเบิด และท้ายสุด… อันดับที่ 1 ทรัมป์…จะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และแล้วสิ่งที่เกือบทุกคนคาดไม่ถึงก็อุบัติขึ้นแล้ว… “ทรัมป์”…ได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาไปแล้ว
วันนี้ เราจึงจะมาดูกันว่า เมื่อทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว อะไร…กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้? ซึ่งผมได้คัดมาให้คุณผู้อ่านแล้ว แต่จะเป็นเรื่องหนักๆทั้งสิ้น สำหรับวันนี้…ผมจะเริ่มจากเรื่องที่ห้า และเรื่องที่สี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักปานกลาง ในวันพรุ่งนี้…ผมจะขอคุยให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่หนักที่สุดอีก 3 เรื่องสุดท้าย วันนี้…เชิญอ่านได้เลยครับ
เรื่องที่ห้า การยกเลิกการให้ความร่วมมือเรื่อง “โลกร้อน”
“ผมจะยกเลิกการให้เงินช่วยเหลือแก่สหประชาชาติเกี่ยวกับเรื่องโลกร้อน และจะนำเงินจำนวนนี้ไปซ่อมแซมระบบน้ำและระบบสาธารณูปโภคของสหรัฐอเมริกา” เป็นหนึ่งในเจ็ดคำประกาศของทรัมป์ ที่จะต้องเร่งทำให้เกิดผลโดยเร็วที่สุด ซึ่งถือได้ว่า เจ็ดคำประกาศนี้ได้ส่งผลให้ทรัมป์ได้รับเลือกให้เข้าไปอยู่ในทำเนียบขาว
หากย้อนกลับไปดูเรื่องข้อตกลงเรื่องโลกร้อนเราก็จะพบว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2558 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้มีการรับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) โดยเป็นตราสารกฎหมายที่รับรองภายใต้กรอบอนุสัญญา ต่อจากพิธีสารเกียวโตและข้อแก้ไขโดฮา เพื่อกำหนดกฎกติการะหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายหลักสำคัญคือ การควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม
แต่ปรากฏว่าทรัมป์ไม่เชื่อเรื่อง “โลกร้อน” ดังนั้นนโยบายการใช้พลังงานสะอาดที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งทำให้โรงงานไฟฟ้าถ่านหินกว่าร้อยโรงต้องถูกปิดไป พลังงานสะอาดเข้ามามีสัดส่วนสูงถึง 2 ใน 3 ของโรงงานพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้นใหม่ แผนการเหล่านี้ก็คงจะถูกโละทิ้งไป และทรัมป์ก็คงจะให้สหรัฐอเมริกาออกจาก “ความตกลงปารีส” อย่างแน่นอน จากนั้นก็จะเกิดการกลับมาของบรรดาบริษัทพลังงานฟอสซิล พร้อมกับการประกาศอย่างกึกก้องว่า “ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลของผม เราจะทำให้พลังงานของอเมริกามีอิสรภาพอย่างสมบูรณ์ ลองจินตนาการดูซิว่า ศัตรูของเราหรือบรรดาประเทศที่รวมหัวกันค้าน้ำมัน จะไม่มีวันที่จะใช้พลังงานมาเป็นอาวุธต่อรองกับเราได้อีกต่อไป และเราจะเป็น…ผู้ชนะ”
นอกจากนั้นในระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ยังชูป้าย “TRUMP DIGS COAL” ซึ่งหมายความว่า ถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดี เขาจะส่งเสริมให้มีการขุดถ่านหิน ส่งเสริมให้ใช้พลังงานฟอสซิลอย่างแน่นอน และสิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริการวมตัวกันเผื่อผลักดันให้ทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
นโยบายการกลับมาใช้พลังงานฟอสซิลของทรัปม์ ก็จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีการขยายตัวขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วยการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และพลังงานฟอสซิลอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วย…ความหายนะ
นักสิ่งแวดล้อมต่างเชื่อมั่นว่า หากนโยบายดังกล่าวทรัมป์นำมาใช้จริง ในระยะเวลาอีกไม่นานนัก เราอาจจะได้เห็นเมืองใหญ่ๆของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ค ไมอามี่ และบอสตัน ต้องผจญกับปัญหาน้ำท่วม และเราก็อาจจะได้ภาพเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอีกหลายเมืองทั่วโลก ภายในระยะเวลาอีกซัก 10-20 ปีนี้เอง
สำหรับ..ประเทศไทยเอง เราเคยประสบกับมหาอุทกภัยครั้งที่ใหญ่ที่สุดมาแล้วในปี 2554 จึงเป็นลางบอกเหตุที่อันตรายยิ่ง เพราะจากนี้ไป… ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และเขาจะสนับสนุนให้สหรัฐอเมริกาตักตวงผลประโยชน์จากการใช้พลังงานฟอสซิลอย่างเต็มพิกัด และอาจจะนำไปสู่หายนะทางสิ่งแวดล้อมของคนทั่วโลกในอนาคตอันใกล้นี้
เรื่องที่สี่ NAFTA…ต้องคุยใหม่ ไม่งั้นก็…เลิก
“ผมจะประกาศความตั้งใจของผมที่จะเจรจาใหม่ในเรื่องเขตการค้าเสรี NAFTA หรือไม่ก็ถอนตัวจากข้อตกลงนี้” เช่นกัน ที่กล่าวมานี้ก็คือ หนึ่งในเจ็ดคำประกาศที่ทรัมป์สัญญาว่าจะรีบทำโดยด่วนที่สุด ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน
ทรัมป์มีความตั้งใจที่อยากจะยกเลิกเขตการค้าเสรี NAFTA (North American Free Trade Agreement) ซึ่งมีสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งทรัมป์จะเริ่มจากการเจรจาใหม่กับทั้งสองประเทศ ทรัมป์ได้กล่าวถึง ข้อตกลง NAFTA ว่าเป็น “ข้อตกลงที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์” และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ได้เจรจาแล้วและไม่ได้ผล ในวันที่ 200 ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ เขาก็จะประกาศยกเลิกข้อตกลง NAFTA อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าการยกเลิก NAFTA น่าจะเป็นข้อดีสำหรับประเทศไทย ผมมองว่า การผลิตสินค้าราคาถูกที่เกิดจากแรงงานของเม็กซิโก…น่าจะยิ่งมีปัญหา ทำให้เกิดช่องว่างในเรื่องแหล่งผลิตสินค้าราคาถูก และจะต้องกระจายการหาแหล่งสินค้าใหม่ๆมาทางเอเชีย เรื่องนี้…ประเทศไทยคงจะได้ประโยชน์บ้าง แต่สิ่งที่ทั่วโลกอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาอย่างหนักก็คือ ข้อตกลงเขตการค้าเสรีทั่วโลกจะเริ่มมีความไม่แน่นอนสูง และอาจมีการบอกยกเลิกได้ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งก็จะทำให้การค้าโลกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เชิญพบกับบทความ “ทรัมป์… 5 เรื่องหนักๆ ที่คนไทยควรรู้” ตอนจบ ได้ที่นี่ ในวันพรุ่งนี้นะครับ
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Leave a comment