2 พฤษภาคม 2560
652 views
“เลือกตั้งฝรั่งเศส” ฤา.. 3 นางสิงห์ จะสั่นคลอนเศรษฐกิจโลก
คอลัมน์: หุ้นส่วนประเทศไทย
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
“เลือกตั้งฝรั่งเศส” ฤา.. 3 นางสิงห์ จะสั่นคลอนเศรษฐกิจโลก
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
Add Line: @CsiSociety
คุณผู้อ่านหลายท่านคงทราบผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรกกันไปแล้ว ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ อันดับหนึ่ง นายเอ็มมานูเอล มาคร็อง ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจในรัฐบาลชุดที่แล้ว นายมาคร็องได้คะแนนเสียงมาทั้งสิ้น 24.01% ขณะที่อันดับที่สองก็คือ นางมารีน เลอแปง หัวหน้าพรรคเนชั่นแนลฟรอนท์ของฝรั่งเศส นางเลอแปงได้คะแนนเสียงทั้งสิ้น 21.3% ซึ่งตามกฎการเลือกตั้งของฝรั่งเศสนั้น ถ้าไม่มีผู้ใดมีคะแนนเสียงเกิน 50% ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงที่สุด 2 คน จะต้องไปลงเลือกตั้งรอบ 2 ซึ่งในครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคมนี้
ณ เวลาที่ผมเขียนบทความนี้ การสำรวจคะแนนเสียงเบื้องต้นพบว่า นายมาคร็องคงจะกวาดคะแนนเสียงแบบถล่มทลาย ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามในปีที่แล้ว มีเหตุการณ์พลิกล็อคอยู่ด้วยกัน 2 เหตุการณ์คือ เหตุการณ์ “Brexit” เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนปีที่แล้ว ในวันนั้นเป็นวันที่คนอังกฤษต้องออกไปลงคะแนนเสียงว่า จะให้อังกฤษยังคงอยู่ต่อไปในสหภาพยุโรปหรือไม่? ก่อนวันลงคะแนนก็มีการสำรวจคะแนนเสียงครั้งแล้วครั้งเล่าพบว่า อังกฤษจะคงอยู่ในสหภาพยุโรป แต่พอผลคะแนนออกมากลับพบว่า ผลคะแนน “ให้ออก” สูงกว่า “ให้อยู่” หรือการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ก่อนการเลือกตั้งนางฮิลลารีนำแบบถล่มทลายมาโดยตลอด พอถึงวันเลือกตั้งจริงๆ กลับกลายเป็นว่า นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดี การเลือกตั้งฝรั่งเศสในครั้งนี้…บรรดาเซียนจึงยังไม่กล้า “ฟันธง”
ในวันอาทิตย์นี้ ถ้าเกิดนางเลอแปงชนะการเลือกตั้งแล้วได้เป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสจริงๆแล้วล่ะก็… ผมว่างานนี้ยุ่งแน่ๆ และอาจกระทบกระเทือนเศรษฐกิจไปทั่วโลกและอาจก่อเกิดเป็นวิกฤตอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ก็มาจาก “3 นางสิงห์” แห่งยุโรป ดังนี้ครับ
นางสิงห์คนที่ 1 ที่ผมจะกล่าวในที่นี้ก็คือ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมัน ภายใต้การนำของนางแมร์เคิล เยอรมันกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งมากที่สุดในยุโรป และเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป เธอมีนโยบายที่แข็งกร้าวต่อประเทศใดก็ตาม ที่จะทำตัวออกจากกลุ่ม เช่นกรณีของกรีซ ในช่วงเวลาที่กรีซประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ และขู่ว่าจะถอนตัวออกจากกลุ่มยูโรโซน จะเลิกใช้เงินยูโรและกลับไปใช้เงินแดร็กม่าของกรีซในอดีต นางแมร์เคิลทั้งปลอบทั้งขู่กรีซ จนในที่สุดกรีซก็ต้องยอมศิโรราบ และทำทุกอย่างตามมติของกลุ่มยูโรโซน ยอมรัดเข็มขัด…ตัดเงินเดือน…ตัดสวัสดิการ…ให้คนออกจากงาน และเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนกรีซต้องประสบกับความลำบากยากเข็ญหนักหนาที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกรีซ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของกลุ่มยูโรโซนภายใต้การบีบคั้นของนางแมร์เคิลนั่นเอง
นางสิงห์คนที่ 2 ในที่นี้ก็คือ นางเทเรซา เมย์ ซึ่งเธอก็คือนายกรัฐมนตรีหญิงของสหราชอาณาจักรในปัจจุบันนี้ ในช่วงเวลานี้นางเมย์รู้ดีว่า ตนจะต้องทำภารกิจในการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปให้ราบรื่นที่สุด ในที่นี้หมายถึง หลังอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป อังกฤษจะมีความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปแค่ในกรอบ WTO เท่านั้น สินค้าของอังกฤษที่จะเข้าสู่สหภาพยุโรปจะต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราประเทศสมาชิก WTO ซึ่งอังกฤษไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่อังกฤษยังอยากคงสิทธิพิเศษต่างๆที่เคยมีในสมัยเป็นสมาชิกฯ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ต้องเจรจากับสหภาพยุโรปก่อนที่จะออก
นางสิงห์คนสุดท้ายก็คือ นางมารีน เลอแปง แล้วนางเลอแปงคนนี้เป็นคนยังไงล่ะ? “เลอแปงเกลียดผู้อพยพ” ประโยคข้างต้นนี้เป็นประโยคง่ายๆแต่ชัดเจนมาก เพราะเลอแปงมองว่า พวกผู้อพยพเหล่านี้มีแต่ปัญหา นับตั้งแต่ต้องเอาเงินงบประมาณมาเลี้ยงดูคนเหล่านี้ คนเหล่านี้เข้ามาแย่งงานคนฝรั่งเศส และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ การก่อการร้ายมากับพวกผู้อพยพ นางจึงอยากจะจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าฝรั่งเศส และเร่งรัดการเนรเทศผู้อพยพให้ออกไปจากฝรั่งเศสให้มากที่สุด ซึ่งตรงข้ามกับสหภาพยุโรปที่มีนโยบายเปิดรับผู้อพยพ
นางเลอแปง เป็นนักการเมืองที่นิยมการปกป้องทางการค้า เช่นเดียวกับทรัมป์ และเทเรซา เมย์ เธอประกาศไปแล้วว่า ถ้าเธอได้เป็นประธานาธิบดี เธอจะเจรจากับสหภาพยุโรปเรื่องสนธิสัญญาทางการค้าใหม่ และถ้าเป็นที่ไม่พอใจ เธอก็จะเสนอให้มีการลงประชามติให้ฝรั่งเศสถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของยุโรป เช่นเดียวกับการโหวต “Brexit” ของอังกฤษ ภายใน 6 เดือนหลังจากเธอได้เป็นประธานาธิบดี
ในเวลานี้ ยุโรปมีนางสิงห์แล้ว 2 คนคือ นางแมร์เคิล และนางเมย์ รอลุ้นแต่ผลในวันอาทิตย์นี้ว่า นางเลอแปงจะได้เป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสหรือไม่? แล้วถ้าเธอได้เป็นล่ะ…มันจะยุ่งขนาดไหน? ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว แนวทางของนางเลอแปงก็ไปสอดคล้องกับนางเมย์ ดังนั้นโอกาสที่เราจะได้เห็นสองนางสิงห์ผนึกพลังกันไปต่อกรกับนางแมร์เคิลก็ยังมีอยู่ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เดิมพันในครั้งนี้คงจะใหญ่หลวงนัก เรากำลังพูดถึง 3 นางสิงห์วางเดิมพันไว้…ด้วยเศรษฐกิจและสังคมของทั้ง 3 ประเทศ…ด้วยเศรษฐกิจและสังคมของสหภาพยุโรป และเดิมพันในครั้งนี้อาจจะใหญ่มากถึง…เศรษฐกิจของโลกใบนี้ก็เป็นได้
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้แก่ นางเลอแปงจะให้ทำประชามติให้ฝรั่งเศสถอนตัวจากสหภาพยุโรปที่มี 28 ประเทศ…ที่ทำมาค้าขายกันอย่างเสรี ฝรั่งเศสจะต้องออกจากกลุ่มประเทศเช็งเก้น 25 ประเทศ…ที่ใช้วีซ่าเดียวเข้าออกได้ 25 ประเทศอย่างเสรี และจะต้องออกจากกลุ่มประเทศยูโรโซนที่มี 19 ประเทศ…ที่ใช้เงินสกุลยูโรเป็นเงินสกุลหลักของประเทศ นั่นคือฝรั่งเศสคงจะต้องกลับใช้เงินฟรังก์เหมือนในอดีต
เหตุการณ์ต่างๆข้างบนนี้เป็นแค่บางส่วนที่จะเกิดขึ้น และเหตุการณ์เหล่านี้แหละ…ที่จะสร้างความโกลาหลอลหม่านอย่างรุนแรงไปยังเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจโลกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และเงินยูโรของชาวยุโรปก็มีโอกาสที่จะล่มสลายหายจากโลกนี้ไปเลยก็เป็นได้ ทำให้นึกถึงคำพูดของนางเลอแปงเองที่เคยกล่าวไว้ว่า “ The euro ceases to exist the moment that France leaves.” แปลตามความได้ว่า “เงินยูโรคงจะสูญพันธ์เป็นแน่ เมื่อใดก็ตามที่ฝรั่งเศสเลิกใช้”
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ www.doctorwe.com
ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
No Comments Yet
You can be the first to comment!
Leave a comment